🟡การบูรณาการหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสำหรับหลักสูตรสถานศึกษา🟡
ความหมายการบูรณาการ
การบูรณาการ (Integration)
หมายถึง การประสานกลมกลืนกันของแผน กระบวนการ สารสนเทศ
การจัดสรรทรัพยากร การปฏิบัติการ ผลลัพธ์ และการวิเคราะห์
เพื่อสนับสนุนเป้าประสงค์ที่สำคัญขององค์กร การบูรณาการที่มีประสิทธิผล
เป็นมากกว่าความสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกัน (Alignment) และจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อการดำเนินการของแต่ละองค์ประกอบภายในระบบการจัดการผลการดำเนินการมีความเชื่อมโยงกันเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์
ลักษณะของการบูรณาการ
มีลักษณะโดยสรุป ดังนี้
1. การบูรณาการเชิงเนื้อหาสาระ เป็นการผสมผสานเชื่อมโยงเนื้อหาสาระ
ในลักษณะการหลอมรวมกันโดยการตั้งเป็นหน่วย (
Unit
) หรือหัวเรื่อง ( Theme )
2. การบูรณาการเชิงวิธีการ เป็นการผสมผสานวิธีการสอนแบบต่าง ๆ
เข้าในการสอน
โดยการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่หลากหลายวิธี การสนทนา
การอภิปราย การใช้คำถาม การบรรยาย
การค้นคว้าและการทำงานกลุ่ม
การไปศึกษานอกห้องเรียน
และการนำเสนอข้อมูลเป็นต้น
3. การบูรณาการความรู้กับกระบวนการเรียนรู้
โดยออกแบบการเรียนรู้ให้มีทั้งการให้ความรู้และกระบวนการไปพร้อม ๆ กัน เช่น
กระบวนการแสวงหาความรู้ กระบวนการแก้ปัญหา และ กระบวนการสร้างความคิดรวบยอดเป็นต้น
4. การบูรณาการความรู้ ความคิด
กับคุณธรรม
โดยเน้นทั้งพุทธิพิสัยและจิตพิสัยเป็นการเรียนที่สอดแทรกคุณธรรมจริยธรรมไปพร้อม
ๆ กัน เพื่อที่นักเรียนจะได้เป็น
“ผู้มีความรู้ คู่คุณธรรม ”
5. การบูรณาการความรู้กับการปฏิบัติ
เน้นการปฏิบัติจริง ควบคู่ไปพร้อมๆ กับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
6.
การบูรณาการความรู้ในโรงเรียนกับชีวิตจริงของนักเรียน พยายามให้เด็กได้เรียนรู้เนื้อหาที่สัมพันธ์กับชีวิตจริงของนักเรียน
เพื่อให้นักเรียนได้เห็นคุณค่าและความหมายในสิ่งที่เรียน (สิริพัชร์
เจษฎาวิโรจน์. 2546: 25)
รูปแบบของการบูรณาการ (Models of Integration)
รูปแบบของการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการมี 4 รูปแบบ คือ 1. การสอนบูรณาการแบบสอดแทรก (Infusion Instruction)
การสอนรูปแบบนี้ครูผู้สอนในวิชาหนึ่งสอดแทรกเนื้อหาของวิชาอื่น
ๆ เข้าไปในการสอนของตน เป็นการวางแผนการสอนและสอนโดยครูเพียงคนเดียว
2. การสอนบูรณาการแบบขนาน (Parallel Instruction)
การสอนตามรูปแบบนี้ ครูตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปสอนต่างวิชากัน ต่างคนต่างสอนแต่ต้องวางแผนการสอนร่วมกันโดยมุ่งสอนหัวเรื่อง/ความคิดรวบยอด/ปัญหาเดียวกัน (Theme/concept/problem) ระบุสิ่งที่ร่วมกันและตัดสินในร่วมกันว่าจะสอนหัวเรื่อง/ความคิดรวบยอด/ปัญหานั้นๆ อย่างไรในวิชาของแต่ละคน งานหรือการบ้านที่มอบหมายให้นักเรียนทำจะแตกต่างกันไปในแต่ละวิชา แต่ทั้งหมดจะต้องมีหัวเรื่อง/ความคิดรวบยอด/ปัญหาร่วมกัน
3. การสอนบูรณาการแบบสหวิทยาการ (Multidisciplinary Instruction)
ขนาน (Parallel Instruction) กล่าวคือครูตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปสอนต่างวิชากัน มุ่งสอนหัวเรื่อง ความคิดรวบยอด/ปัญหาเดียวกันต่างคนต่างแยกกันสอนเป็นส่วนใหญ่ แต่มีการมอบหมายงาน หรือโครงการ (Project) ร่วมกัน ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงสาขาวิชาต่าง
ๆ เข้าด้วยกัน ครูทุกคนจะต้องวางแผนร่วมกันเพื่อที่จะระบุว่าจะสอนหัวเรื่อง/ความคิดรวบยอด/ปัญหานั้น
ๆ ในแต่ละวิชาอย่างไร และวางแผนสร้างโครงการร่วมกัน(หรือกำหนดงานจะมอบหมายให้นักเรียนทำร่วมกัน) และกำหนดว่าจะแบ่งโครงการนั้นออกเป็นโครงการย่อย ๆ ให้นักเรียนปฏิบัติแต่ละรายวิชาอย่างไร
อนึ่ง พึงเข้าใจว่าคำว่า “โครงการ” นี้มีความหมายเดียวกันกับคำว่า “โครงงาน” มาจากภาษาอังกฤษคำเดียวกันคือ “Project” หลายท่านอาจคุ้นกับคำว่า โครงงาน มากกว่า เช่น “โครงงานวิทยาศาสตร์” ซึ่งก็อาจเรียกว่า “โครงการวิทยาศาสตร์” ได้เช่นเดียวกัน
4. การสอนบูรณาการแบบข้ามวิชาหรือเป็นคณะ (Transdisciplinary Instrction)
การสอนตามรูปแบบนี้ครูที่สอนวิชาต่าง ๆ จะร่วมกันสอนเป็นคณะหรือเป็นทีม ร่วมกันวางแผน ปรึกษาหารือ และกำหนดหัวเรื่อง/ความคิดรวบยอด/ปัญหาร่วมกัน แล้วร่วมกันดำเนินการสอนนักเรียนกลุ่มเดียวกัน
แนวคิดเกี่ยวกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ห่วงที่ 1. ความพอประมาณ หมายถึง
ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น
การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ
ห่วงที่ 2. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้นๆ อย่างรอบคอบ
ห่วงที่ 3. ภูมิคุ้มกัน หมายถึง
การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น
โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
โดยมีเงื่อนไขของการตัดสินใจและดำเนินกิจกรรมต่างๆ
ให้อยู่ในระดับพอเพียง 2 ประการ ดังนี้
เงื่อนไข 1. เงื่อนไขความรู้
องค์ประกอบในการทำงานทุกอย่างต้องเริ่มต้นจากความรู้ ซึ่งต้องรู้ลึก รู้กว้าง
และสามารถนำวิชาการต่างๆนั้นมาวางแผนและดำเนินการทุกขั้นตอนอย่างรอบคอบและระมัดระวัง
เพราะหากไม่มีความรู้ การนำไปปฏิบัติอาจมีปัญหา
เงื่อนไข 2. เงื่อนไขคุณธรรม
ที่จะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วย มีความตระหนักใน คุณธรรม
มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต
องค์ประกอบปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง ประกอบด้วยคุณลักษณะ 3 ประการ และเงื่อนไข 2 ประการ หรือที่เรียกว่า 3 ห่วง 2 เงื่อนไข คือ
ความพอประมาณ
หมายถึง ความพอดีต่อความจำเป็น
และเหมาะสมกับฐานะของตนเอง สังคม สิ่งแวดล้อม
รวมทั้งวัฒนธรรมในแต่ละท้องถิ่น ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป และต้องไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น
ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจดำเนินการเรื่องต่าง ๆ
อย่างมีเหตุผลตามหลักวิชาการ หลักกฎหมาย
หลักศีลธรรมจริยธรรม และวัฒนธรรมที่ดีงาม โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น ๆ
อย่างรอบรู้และรอบคอบ
ระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี
หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับต่อผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง
ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม
และวัฒนธรรม เพื่อให้สามารถปรับตัวและรับมือได้อย่างทันท่วงที
เงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้การตัดสินใจ
และการกระทำเป็นไปพอเพียง จะต้องอาศัยทั้งคุณธรรมและความรู้
ดังนี้
เงื่อนไขคุณธรรม
ที่จะต้องสร้างเสริมให้เป็นพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ ประกอบด้วย
ด้านจิตใจ คือการตระหนักในคุณธรรม รู้ผิดชอบชั่วดี
ซื่อสัตย์สุจริต ใช้สติปัญญาอย่างถูกต้องและเหมาะสมในการดำเนินชีวิต
และด้านการกระทำ คือมีความขยันหมั่นเพียร อดทน ไม่โลภ ไม่ตระหนี้ รู้จักแบ่งปัน
และรับผิดชอบในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม
เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วยการฝึกตนให้มีความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน มีความรอบคอบ และความระมัดระวังที่จะนำความรู้ต่าง ๆ
เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผน
และในขั้นปฏิบัติ
การนำเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้
ต้องคำนึงถึง 4 มิติ ดังนี้
|
ด้านเศรษฐกิจ |
ลดรายจ่าย /
เพิ่มรายได้ / ใช้ชีวิตอย่างพอควร / คิดและวางแผนอย่างรอบคอบ /
มีภูมิคุ้มกัน / ไม่เสี่ยงเกินไป / การเผื่อทางเลือกสำรอง |
|
ด้านสังคม |
ช่วยเหลือเกื้อกูล /
รู้รักสามัคคี / สร้างความเข้มแข็งให้ครอบครัวและชุมชน |
|
ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม |
รู้จักใช้และจัดการอย่างฉลาดและรอบคอบ /
เลือกใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างรู้ค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด /
ฟื้นฟูทรัพยากรเพื่อให้เกิดความยั่งยืนสูงสุด |
|
ด้านวัฒนธรรม |
รักและเห็นคุณค่าในความเป็นไทย
เอกลักษณ์ไทย / เห็นประโยชน์และคุ้มค่าของภูมิปัญญาไทย
ภูมิปัญญาท้องถิ่น / รู้จักแยกแยะและเลือกรับวัฒนธรรมอื่น ๆ |
การประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงระดับบุคคลและครอบครัว
|
ด้านเศรษฐกิจ |
ลดรายจ่าย
เพิ่มรายได้ ใช้ชีวิตอย่างพอควร
คิดและวางแผนอย่างรอบคอบ มีภูมิคุ้มกันไม่เสี่ยงเกินไป
การเผื่อทางเลือกสำรอง |
|
ด้านจิตใจ |
มีจิตใจเข้มแข็ง
พึ่งตนเองได้ มีจิตสำนึกที่ดี
เอื้ออาทรประนีประนอมนึกถึงผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก |
|
ด้านสังคม |
ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
รู้รักสามัคคี สร้างความเข้มแข็งให้ครอบครัวและชุมชน |
|
ด้านทรัพยากร
ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม |
รู้จักใช้และจัดการอย่างฉลาดและรอบคอบ
เลือกใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์อย่างสูงสุดฟื้นฟูทรัพยากรเพื่อให้เกิดความยั่งยืนสูงสุด |
|
ด้านเทคโนโลยี |
รู้จักใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม
สอดคล้องกับความต้องการและสภาพแวดล้อม (ภูมิสังคม) พัฒนาเทคโนโลยีจากภูมิปัญญาชาวบ้านเองก่อน
ก่อให้เกิดประโยชน์กับคนหมู่มาก |
การบูรณาการหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสำหรับหลักสูตรสถานศึกษา
การส่งเสริมให้นำหลักปรัชญาฯไปใช้ในสถานศึกษาต่างๆ
นั้น อาจจะใช้วิธี “เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา”
ตามหลักการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า สำคัญที่สุดครูต้องเข้าใจเรื่องปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงก่อน
โดยเข้าใจว่าแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงนั้น เป็นแนวคิดที่สามารถเริ่ม ต้น
และปลูกฝังได้ผ่านการทำกิจกรรมต่างๆ ในโรงเรียน เช่น
กิจกรรมการรักษาสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนการกำจัดขยะในโรงเรียนการสำรวจทรัพยากรของชุมชนฯลฯ
ก่อนอื่น
ครูต้องเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี
โดยกลับมาพิจารณาและวิเคราะห์ดูว่า ในตัวครูนั้นมีความไม่พอเพียงในด้านใดบ้าง
เพราะการวิเคราะห์ปัญหาจะทำให้รู้และเข้าใจปัญหา ที่เกิดจากความไม่พอเพียง
รวมทั้งควรให้เด็กมีส่วนร่วมในการวิเคราะห์ปัญหาด้วย
โดยการวิเคราะห์นี้ต้องดำเนินไปบนพื้นฐานของความรู้และคุณธรรม โดยเฉพาะคุณธรรมนั้น
เป็นสิ่งที่ควรปลูกฝังให้เกิดขึ้นในใจเด็กให้ได้ก่อน
ผ่านกิจกรรมที่ครูเป็นผู้คิดขึ้นมา
โดยครูในแต่ละโรงเรียนจะต้องมานั่งพิจารณาก่อนว่า จะเริ่มต้นปลูกฝัง แนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจากจุดไหน
ทุกคนควรมาร่วมกันคิดร่วมกันทำ สามัคคีกันในกระบวนการหารือ
หลังจากที่ครูได้ค้นหากิจกรรมที่จะปลูกฝังแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว
ครูควรจะต้องตั้ง
เป้าหมายการสอนก่อนว่าครูจะสอนเด็กให้รู้จักพัฒนาตนเองได้อย่างไรโดยอาจเริ่มต้นสอนจากกิจกรรมเล็กๆน้อยๆ
ที่สามารถเริ่มต้นจากตัวเด็กแต่ละคนให้ได้ก่อน เช่น การเก็บขยะ การประหยัดพลังงาน ฯลฯ
เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ถึงความเชื่อมโยงระหว่างปัจจัย
ที่ตนเองมีต่อสิ่งแวดล้อมภายนอกในด้านต่างๆ 4 มิติ
ในส่วนของการเข้าถึงนั้น
เมื่อครูเข้าใจแล้ว ครูต้องคิดหาวิธีที่จะเข้าถึงเด็ก
พิจารณาดูก่อนว่าจะสอดแทรกกิจกรรมการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง
เข้าไปในวิธีคิดและในวิชาการต่างๆ ได้อย่างไร ทั้งนี้
อาจจัดกิจกรรมกลุ่มให้นักเรียนได้ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ
รู้จักแบ่งหน้าที่กันตามความสามารถของเด็กในแต่ละช่วงชั้น เช่น
ในกิจกรรมการเก็บขยะเพื่อรักษาความสะอาดของโรงเรียนนั้น
ครูอาจจัดกิจกรรมสำหรับเด็กในแต่ละช่วงชั้น คือ ช่วงชั้นที่ 1
สร้างกิจกรรมที่สนับสนุนให้เด็กช่วยกันเก็บขยะ (ให้เด็กรู้หน้าที่ของตน
ในระดับบุคคล)/ ช่วงชั้นที่ 2 สร้างกิจกรรมที่สนับสนุนให้เด็กช่วยกันเก็บขยะและนับขยะ
(ให้รู้จักการวิเคราะห์และรู้ถึงความเชื่อมโยงของตนเองกับสมาชิกคนอื่นๆ
ในโรงเรียน) / ช่วงชั้นที่ 3
สร้างกิจกรรมที่สอนให้เด็กรู้จักเชื่อมโยงกับชุมชนภายนอกรอบๆ โรงเรียน เช่น
สร้างกิจกรรมที่สอนให้เด็กรู้จักแบ่งแยกขยะ ร่วมมือกับชุมชนในการรักษาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ที่โรงเรียนและชุมชนของเขาตั้งอยู่ด้วย
กิจกรรมทั้งหมดนี้สำคัญคือ
ต้องเน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย
โดยสถานศึกษาควรตั้งเป้าให้เกิดการจัดการศึกษาตามแนวทางของเศรษฐกิจพอเพียง
สอดแทรกเข้าไปในกระบวนการเรียนรู้ สอนให้เด็กพึ่งตนเองให้ได้ก่อนจนสามารถเป็นที่พึ่งของคนอื่นๆในสังคมได้ต่อไป
การจัดการศึกษาตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
การจัดการศึกษาตามแนวทางของเศรษฐกิจพอเพียง
สามารถดำเนินการได้ใน 2 ส่วน ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารสถานศึกษา
และส่วนที่เป็นการจัดการเรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งส่วนที่ 2 นี้ ประกอบด้วย
การสอดแทรกสาระเศรษฐกิจพอเพียง
ในหลักสูตรและสาระเรียนรู้ในห้องเรียนและประยุกต์หลักเศรษฐกิจพอเพียงในการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
การขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษาในระยะแรก
ได้เริ่มจากการไปค้นหากิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่มีคุณลักษณะ และการจัดการที่สอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง
คือพอประมาณกับศักยภาพของนักเรียน พอประมาณกับภูมิสังคมของโรงเรียนและชุมชนที่ตั้ง
เช่น เด็กช่วงชั้นที่ 2 ทำสหกรณ์ได้ เด็กช่วงชั้นที่ 4 ดูแลสิ่งแวดล้อม
มีการส่งเสริมให้ใช้ความรู้อย่างรอบคอบระมัดระวัง ฝึกให้เด็กคิดเป็นทำเป็นอย่างมีเหตุผล
และมีภูมิคุ้มกันส่งเสริมให้เด็กทำงานร่วมกับผู้อื่น มีความซื่อสัตย์ สุจริต
รับผิดชอบ ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น มีวินัย มีสัมมาคารวะ
ปลูกฝังจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อม สืบสานวัฒนธรรมไทย กล่าวคือ สอนให้ผู้เรียน
ยึดมั่นในหลักศีลธรรม พัฒนาคนให้เขารู้จักทำประโยชน์ให้กับสังคมและช่วยดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม
และตัวกิจกรรมเองก็ต้องยั่งยืน โดยมีภูมิคุ้มกันในด้านต่างๆ
ถึงจะเปลี่ยนผู้อำนวยการแต่กิจกรรมก็ยังดำเนินอยู่อย่างนี้เรียกว่ามีภูมิคุ้มกัน
การค้นหาตัวอย่างกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
ก็เพื่อให้มีตัวอย่างรูปธรรม ในการสร้างความเข้าใจภายในวงการศึกษาว่าหลักเศรษฐกิจพอเพียงหมายความว่าอย่างไร
และสามารถนำไปใช้ในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนได้อย่างไรบ้าง หลังจากนั้น
ก็ส่งเสริมให้บูรณาการการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมเหล่านี้ เข้าไปในการเรียนรู้สาระต่างๆ บูรณาการเข้ากับทุกสาระเรียนรู้
เช่น วิทยาศาสตร์ เพื่อทำให้เกิดสมดุลทางสิ่งแวดล้อม
บูรณาการเข้ากับวิชาคณิตศาสตร์
ในการสอนการคำนวณที่มีความหมายในการดำรงชีวิตอย่างพอเพียง
หรือบูรณาการเข้ากับสาระภาษาไทย ภาษาอังกฤษ สุขศึกษา พลศึกษา การงานอาชีพ
เทคโนโลยีต่างๆ ได้หมด นอก เหนือ
จากการสอนในสาระหลักคือในกลุ่มสาระสังคมศึกษาศาสนาวัฒนธรรมเท่านั้น
สำหรับมาตรฐานการเรียนรู้
มีวัตถุประสงค์ให้ทุกช่วงชั้นเข้าใจหลักเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถประยุกต์ใช้ได้
แต่ถ้ามาตรฐานเรียนรู้ของทุกช่วงชั้นเหมือนกันหมดก็จะมีปัญหาทางปฏิบัติ
จึงต้องกำหนดขอบเขตที่ชัดเจนในการเรียนการสอนของแต่ละช่วงชั้นและแต่ละชั้นปีดังนี้
ช่วงชั้นที่ 1 เน้นให้เด็กพึ่งตนเองได้
หรือใช้ชีวิตพอเพียงระดับบุคคลและครอบครัว เช่น ประถม 1
ช่วยเหลือคุณพ่อคุณแม่ล้างจานชาม เก็บขยะไปทิ้ง กวาดบ้าน จัดหนังสือไปเรียนเอง
แบ่งปันสิ่งของให้เพื่อน กินอาหารให้หมดจาน
ประถม 2 วิเคราะห์รายจ่ายของครอบครัว จะมีเป็นตารางกรอกค่าใช้จ่ายต่างๆ
ของครอบครัว คุณแม่ซื้ออะไรบ้าง คุณพ่อซื้ออะไรบ้าง
เด็กจะได้รู้พ่อแม่หาเงินมายากแค่ไหน เช่น ยาสีฟันหลอดละ 46 บาท จะต้องไม่เอามาบีบเล่น
จะต้องสอนให้เด็กเห็นคุณค่าของสิ่งของ ให้เด็กตระหนักถึงคุณค่าของเงินทอง
จะได้ฝึกนิสัยประหยัด ครอบครัวมีรายได้และรายจ่ายเท่าไร
เด็กจะได้ฝึกจิตสำนึกและนิสัยพอเพียง มีหลายโรงเรียนทำแล้ว ประถม 3
สอนให้รู้จักช่วยเหลือครอบครัวอย่างพอเพียงและรู้จักแบ่งปันช่วยเหลือผู้อื่นมีส่วนร่วมสร้างครอบครัวพอเพียง
ช่วงชั้นที่ 2
ฝึกให้เด็กรู้จักประยุกต์ใช้หลักความพอเพียงในโรงเรียน
สามารถวิเคราะห์วางแผนและจัดทำบันทึกรายรับ-รายจ่ายของตนเองและครอบครัวอย่างมีประสิทธิภาพ
มีส่วนร่วมในการสร้างความพอเพียงระดับโรงเรียน และชุมชนใกล้ตัว
โดยเริ่มจากการสำรวจทรัพยากรต่างๆ ในโรงเรียนและชุมชน
มีส่วนร่วมในการดูแลบำรุงรักษาทรัพยากรต่างๆ ทั้งด้านวัตถุ สิ่งแวดล้อม ภูมิปัญญา
วัฒนธรรม และรวบรวมองค์ความรู้ต่างๆ
มาเป็นข้อมูลในการเรียนรู้วิถีชีวิตของชุมชนและเห็นคุณค่าของการใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
ช่วงชั้นที่ 3
ประยุกต์ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงกับชุมชน มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ของชุมชน
สามารถสำรวจและวิเคราะห์ความพอเพียงในระดับต่างๆ และในมิติต่างๆ ทั้งทางวัตถุ
สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมในชุมชนใกล้ตัว
เห็นคุณค่าของการใช้หลักพอเพียงในการจัดการชุมชน
และในที่สุดแล้วสามารถนำหลักการพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของแต่ละคน
จนนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสู่ความพอเพียงได้ในที่สุด
คำถามทบทวน
คำถามปรนัย 5
ตัวเลือก
1. แนวคิดเกี่ยวกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงประกอบด้วยอะไรบ้าง
ก. ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การแบ่งปัน
ข. ความมีเหตุผล การมีภูมิคุ้มกันที่ดี
เก็บประหยัดอดออม
ค. การคิดเชิงบวก การแบ่งปัน เก็บประหยัดอดออม
ง. ความมีเหตุผล การมีภูมิคุ้มกันที่ดี
การคิดเชิงบวก
จ. ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมีภูมิคุ้มกันที่ดี
ตอบ จ. ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมีภูมิคุ้มกันที่ดี
2. องค์ประกอบปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมีทั้งหมดกี่เงื่อนไข
ก. 2 ข. 4 ค. 6 ง. 8 จ. 10
3. ทฤษฎีใหม่ได้แบ่งพื้นที่ออกเป็น
4 ส่วน ตามอัตราส่วนเท่าไรต่อเท่าไร
ก. 20:30:30:10
ข. 30:20:30:10
ค. 30:30:30:20
ง. 30:30:30:10
จ. 60:30:30:30
ตอบ ง. 30:30:30:10
4. ข้อใดไม่ใช่ขอบเขตที่ชัดเจนในการเรียนการสอนของแต่ละช่วงชั้นและแต่ละชั้นปี
ก. ตรียมคนให้เป็นคนที่ดีต่อประเทศชาติสามารถทำประโยชน์ให้กับสังคมได้
ข. ประยุกต์ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงกับชุมชน
ค. ฝึกให้เด็กรู้จักประยุกต์ใช้หลักความพอเพียงในโรงเรียน
ง. เน้นให้เด็กพึ่งตนเองได้ หรือใช้ชีวิตพอเพียงระดับบุคคลและครอบครัว
จ. การเตรียมตัวให้พร้อมรับกับความเปลี่ยนแปลง
ก. การดำรงชีวิตประจำวัน
ข. การดำรงชีวิตให้เหมาะสม
ค. รู้จักอดออม
ง.
ทำบัญชีรายรับรายจ่าย
จ. การเตรียมตัวให้พร้อมรับกับความเปลี่ยนแปลง
ก. เป็นทีมการเรียนรู้แบบนี้ผู้สอนในรายวิชาต่างๆ
ข. การเรียนรู้แบบนี้ผู้สอนตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปต่างคนต่างสอนวิชาของตนเองแต่จะมาวางแผน
ตัดสินใจร่วมกันว่าจะจัดแผนการเรียนรู้และจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ค. การเรียนรู้แบบนี้ผู้สอนจะนำเนื้อหาของวิชาต่าง ๆ
ง.
เป็นการนำเนื้อหาสาระการเรียนรู้ตั้งแต่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ขึ้นไปหรือระหว่างศาสตร์
มาเชื่อมโยงหรือสัมพันธ์เป็นเรื่องเดียวกัน
จ. เป็นการนำเนื้อหาสาระการเรียนรู้ในวิชาเดียวกันหรือกลุ่มสาระการเรียนรู้เดียวกัน
มาเชื่อมโยงหรือสัมพันธ์กันเรื่อง
ตอบ จ. เป็นการนำเนื้อหาสาระการเรียนรู้ในวิชาเดียวกันหรือกลุ่มสาระการเรียนรู้เดียวกัน มาเชื่อมโยงหรือสัมพันธ์กันเรื่อง
7.ข้อใดไม่ใช่การปฏิบัติตนและดำเนินชีวิตตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ก. ปฏิบัติตนให้มีความพอประมาณ รู้จักการประมาณตน
รู้จักศักยภาพของตนที่มีอยู่
ข. มีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว พร้อมรับผลกระทบปฏิบัติตนการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ
ค. มีความรอบรู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องสามารถคิดวิเคราะห์และปฏิบัติ
ด้วยความรอบคอบ
ง. สืบสานและพัฒนาศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น
จ. ปฏิบัติตนและดำเนินชีวิตตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยและความ
ซื่อสัตย์สุจริต ขยัน อดทน
ก. การผสมผสานองค์ความรู้ตั้งแต่ 2 องค์ความรู้ขึ้นไปเข้าด้วยกันอย่างลงตัวและเป็นระบบ
ข. กระบวนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่เชื่อมโยงศาสตร์สาขาวิชาต่าง ๆ
ค. การเชื่อมโยงความรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน, การจัดการเรียนรู้ให้เป็นเรื่องเดียวกับวิถีชีวิต
ง. การสอนเป็นทีมการเรียนรู้แบบนี้ผู้สอนในรายวิชาต่างๆ
จ. การทำให้สมบูรณ์ (Integration) คือ
การทำหน่วยย่อย 1 ที่สัมพันธ์กันมาผสมกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวให้ครบสมบูรณ์ในตัวเอง
ตอบ ก. การผสมผสานองค์ความรู้ตั้งแต่ 2 องค์ความรู้ขึ้นไปเข้าด้วยกันอย่างลงตัวและเป็นระบบ
ก. มีความรู้และทักษะพื้นฐานการดำเนินชีวิตและการพัฒนาอาชีพการเกษตร
ข. ใช้และพัฒนาทรัพยากรและสิ่งแวดลอมให้ได้ประโยชน์สูงสุดและยั่งยืน
ค. เห็นประโยชน์
และตระหนักในความสำคัญของการดำเนินชีวิตตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ง. ปฏิบัติตนให้มีความพอประมาณ รู้จักการประมาณตน
รู้จักศักยภาพของตนที่มีอยู่
จ. มีความรอบรู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องสามารถคิดวิเคราะห์และปฏิบัติ
ด้วยความรอบคอบ
ก. 3
ข. 4
ค. 5 ง.6 จ.7
1. การบูรณาการมีความหมายว่าอย่างไร
จงอธิบาย
ตอบ กระบวนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่เชื่อมโยงศาสตร์สาขาวิชาต่าง ๆ หรือเนื้อหาที่มีความสัมพันธ์กันเข้ามาไว้ด้วยกัน และจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้ผู้เรียนเกิดความรู้ความเข้าใจในลักษณะที่เป็นองค์รวมสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้
2.คำว่า "เงื่อนไขคุณธรรม" มีความหมายว่าอย่างไร จงอธิบาย
ตอบ สร้างเสริมให้เป็นพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ ประกอบด้วย ด้านจิตใจ คือการตระหนักในคุณธรรม รู้ผิดชอบชั่วดี ซื่อสัตย์สุจริต ใช้สติปัญญาอย่างถูกต้องและเหมาะสมในการดำเนินชีวิต และด้านการกระทำ คือมีความขยันหมั่นเพียร อดทน ไม่โลภ ไม่ตระหนี้ รู้จักแบ่งปัน และรับผิดชอบในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม
3.จงบอกองค์ประกอบปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ตอบ ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีต่อความจำเป็น และเหมาะสมกับฐานะของตนเอง
ความมีเหตุผล
หมายถึง การตัดสินใจดำเนินการเรื่องต่าง
ๆ อย่างมีเหตุผลตามหลักวิชาการ หลักกฎหมาย
หลักศีลธรรมจริยธรรม และวัฒนธรรมที่ดีงาม
ระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับต่อผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ
4.จงอฺบายความหมายการบูรณาการ มาพอสังเขป
ตอบ การประสานกลมกลืนกันของแผน กระบวนการ สารสนเทศ การจัดสรรทรัพยากร การปฏิบัติการ ผลลัพธ์ และการวิเคราะห์ เพื่อสนับสนุนเป้าประสงค์ที่สำคัญขององค์กร การบูรณาการที่มีประสิทธิผล เป็นมากกว่าความสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกัน
5. จงอธิบายทฤษฎีใหม่การแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วน ตามอัตราส่วน มาพอสังเขป
ตอบ แบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วน ตามอัตราส่วน 30:30:30:10
พื้นที่ส่วนที่หนึ่ง ประมาณ 30% ให้ขุดสระเก็บกักน้ำเพื่อใช้เก็บกักน้ำฝนในฤดูฝน และใช้เสริมการปลูกพืชในฤดูแล้ง ตลอดจนการเลี้ยงสัตว์และพืชน้ำต่างๆ
พื้นที่ส่วนที่สอง ประมาณ 30% ให้ปลูกข้าวในฤดูฝนเพื่อใช้เป็นอาหารประจำวันสำหรับครอบครัวให้เพียงพอตลอด ปี เพื่อตัดค่าใช้จ่ายและสามารถพึ่งตนเองได้
พื้นที่ส่วนที่สาม ประมาณ 30% ให้ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชผัก พืชไร่ พืชสมุนไพร ฯลฯ เพื่อใช้เป็นอาหารประจำวัน หากเหลือบริโภคก็นำไปจำหน่าย
พื้นที่ส่วนที่สี่ ประมาณ 10% เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ถนนหนทาง และโรงเรือนอื่นๆ

0 Post a Comment:
แสดงความคิดเห็น