🟢ปรัชญา แนวคิด หลักการ
และทฤษฎีด้านการพัฒนาหลักสูตร🟢
แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาหลักสูตร
1.1
ความหมายและความสำคัญของหลักสูตร หลักสูตรหมายถึง
จากอดีตถึงปัจจุบันมีความหมายแตกต่างกันตามยุคสมัย ซึ่งในปัจจุบันอาจจะสรุปได้ว่า
หลักสูตรเป็นผลหรือมวลประสบการณ์
ที่ประกอบด้วยผลลัพธ์ที่คาดหวังหรือมาตรฐานการเรียนรู้ เนื้อหาสาระ
ประสบการณ์การเรียนรู้ วิธีการสอนและการวัดประเมินผลเพื่อนำไปสู่เป้าหมายโดยนักพัฒนาหลักสูตรต้องทำหน้าที่กำหนดเป้าหมาย
วางแผนการจัดประสบการณ์เรียนรู้ เนื้อหาสาระและประเมินผลการเรียนรู้
ความสําคัญของหลักสูตร วิชัย วงษ์ใหญ่
ได้ให้ข้อคิดเห็นว่าหลักสูตรมีความสำคัญและจำเป็นสำหรับการจัดการศึกษา โดยหลักสูตร
จะเป็นเครื่องมือที่ทำให้
ความมุ่งหมายของการศึกษาของประเทศในแต่ละระดับมีประสิทธิภาพดังนั้นอาจจะสรุปความสำคัญของหลักสูตรได้ดังนี้
ปรัชญาการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตร
1. ปรัชญาสารัตถนิยม
มุ่งหมายถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมและค่านิยมเพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ได้รับการทบทวนตรวจสอบและพิจารณาอย่างรอบคอบว่าเป็นสิ่งที่ดีและสมควรที่จะจดจำและรักษาไว้เพื่อสืบทอดให้คนรุ่นหลัง
ดังนั้นปรัชญาสาขานี้ จึงเน้นเนื้อหาสาระ ที่เกี่ยวกับความรู้พื้นฐานหรือความรู้ทั่วไปซึ่งเป็นทักษะเชิงปัญญาหรือศิลปศาสตร์ได้แก่ภาษา
ประวัติศาสตร์ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และวิชาอื่นที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรม
2. ปรัชญาพิพัฒนนิยม
มีพื้นฐานแนวคิดมาจากปรัชญาประสบการณ์นิยม และปรัชญา ปฏิบัตินิยม
ที่เชื่อว่ามนุษย์เป็นนักคิดที่สามารถแก้ไขปัญหาสังคมได้จริง
เน้นที่การกระทำมากกว่าความรู้อย่างเดียว
แนวคิดของปรัชญาการศึกษากลุ่มนี้สะท้อนให้เห็นว่าบทบาทของผู้บริหารคือส่งเสริมสนับสนุนครูสามารถทำหน้าที่การสอนได้ถูกต้อง
3. ปรัชญาอัตนิยม
ให้คุณค่าของความเป็นปัจเจกบุคคล ดูชื่อว่าการศึกษาคือ
การให้เสรีภาพแก่ผู้เรียนในการเลือกตัดสินใจตามความต้องการของผู้เรียน
การจัดการศึกษาในแนวนี้จึงให้ความสำคัญแก่ผู้เรียนเป็นรายบุคคล
4. ปรัชญาบูรณนิยม
ปรัชญานี้ด้านขยายแนวคิดของปรัชญาพิพัฒนนิยม ปรัชญาการศึกษาในแนวนี้ถือว่าสังคมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสังคมในปัจจุบันนี้รวมถึงอนาคตมีปัญหามากทั้งในด้านเศรษฐกิจ
การเมือง ศิลปะวัฒนธรรม สภาพแวดล้อม และเทคโนโลยี ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลก
นักปรัชญาการศึกษาแนวคิดที่เชื่อในหลักการ 3
ประการ ได้แก่ ความเป็นประชาคมโลก ความเป็นพี่น้อง และความเป็นประชาธิปไตยจะเห็นได้ว่าปรัชญาการศึกษาดังกล่าวมีความสัมพันธ์กับการจัดการศึกษาอย่างมาก
โดยเนื้อหาสาระของปรัชญาได้ช่วยให้ความกระจ่างชัดหลักสูตรและการเรียนการสอน
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตร
ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะการเรียนรู้
ที่นักพัฒนาหลักสูตรส่วนใหญ่นำมาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน
โดยจะนำเสนอ 3
ทฤษฎีที่สำคัญคือ 1.ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยม
2. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยม 3. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษย์นิยม
1. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยม
ได้กล่าวว่ามนุษย์ได้เรียนรู้ผ่านเงื่อนไขซึ่งหมายถึงถ้ามนุษย์ตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ถูกต้อง
และได้รับการเสริมแรง ก็จะทำให้เกิดการเรียนรู้
2. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยม
ทฤษฎีการเรียนรู้นี้ เป็นอีกแนวหนึ่ง
อธิบายว่า นักเรียนเรียนรู้ได้อย่างไร
โดยมีความเชื่อว่าการเรียนรู้ของบุคคลมีสาเหตุมาจากปัจจัยที่สำคัญได้แก่ เจตคติ
ค่านิยม ประสบการณ์ดั้งเดิม และความสนใจของบุคคลนั้น
3. ทฤษฎีกลุ่มนิยม
หรือกลุ่มแรงจูงใจ ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มนี้ ให้ความสำคัญกับความเป็นมนุษย์
โดยมองว่ามนุษย์เกิดมาพร้อมกับความดีงามมีอิสระ สามารถนำตนเองและพึ่งตนเองได้
ลักษณะของการจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดนี้ จะเน้นที่เด็กเป็นศูนย์กลาง และเน้นการสร้างคุณค่าในตนเองให้เกิดกับผู้เรียน
ความสัมพันธ์ระหว่างหลักสูตรและการสอน
สิ่งที่ต้องดำเนินการก่อนการออกแบบการเรียนการสอน
คือการวิเคราะห์หลักสูตร เพราะ
หลักสูตรเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญซึ่งจะบอกให้เราทราบว่า
ผู้เรียนควรรู้อะไรและทำอะไรได้ หรือ บอก ผลการเรียนรู้ที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน
ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ต้องยึดถือในการออกแบบการเรียน การสอน
สำหรับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
ซึ่งโรงเรียนยึดถือเป็น
กรอบแนวทางในการจัดการเรียนการสอนให้กับนักเรียนในปัจจุบันนั้น
ได้กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัดในกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ ไว้ 8
กลุ่มสาระ การวิเคราะห์ตัวชี้วัดเหล่านี้จะทำให้ทราบว่า
ผู้เรียนควรจะมีความรู้อะไรและสามารถปฏิบัติสิ่งใดได้
ซึ่งนำมาใช้ในการกำหนดผลการเรียนรู้และ เนื้อหาการเรียนรู้ ซึ่งนำมาจัดทำเป็นหน่วยการเรียนรู้
ที่ประกอบด้วยโครงสร้างของเนื้อหา และเวลาที่ กำหนดไว้สำหรับการจัดการเรียนการสอน
จากหน่วยการเรียนรู้พัฒนาต่อไปเป็นบทเรียนและแผนการเรียน การสอนประจำบทเรียน
ที่มีจุดประสงค์การเรียนรู้แตกรายละเอียดย่อยออกมาจากผลการเรียนรู้เป็น
เป้าหมายในการจัดการเรียนการสอน จะเห็นว่าการพัฒนาหลักสูตรเป็นกิจกรรมที่มีความสัมพันธ์กับ
การออกแบบการเรียนการสอนการออกแบบการเรียนการสอนมีขอบเขตของการดำเนินการแตกต่างกัน
ตั้งแต่การออกแบบ การเรียนการสอนเป็นรายแผน
ไปจนถึงการออกแบบการเรียนการสอนทั้งหน่วยการเรียนรู้ และทั้งรายวิชา
ขอบเขตในการดำเนินงานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนนี้ ทำให้มีความซับซ้อน
และยุ่งยากในการดำเนินงาน แตกต่างกันเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามรูปแบบในการออกแบบการเรียนการสอนทั่วไปยังคงนำมา
ประยุกต์ใช้ได้กับการดำเนินงาน สิ่งสำคัญที่ต้องยึดเป็นหลักในการดำเนินการออกแบบการเรียนการสอนคือการยึดผลการเรียนรู้/จุดประสงค์การเรียนรู้
เป็นเป้าหมายในการดำเนินงาน
ประเภทของหลักสูตร
การแบ่งประเภทของหลักสูตรมีความหลากหลายความคิด
ขึ้นอยู่กับการรับรู้ความคิดเห็นของนักพัฒนาหลักสูตรจะใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง
จากการศึกษาสรุปได้ว่ามี 3 แนวคิดสำหรับที่สามารถนำมาใช้เป็นเกณฑ์ในการแบ่งประเภทของหลักสูตรดังนี้
1.การใช้จุดเน้นของหลักสูตร 2.การใช้ระดับการบริหารจัดการหลักสูตร
3.การเป็นเอกสารที่ใช้เป็นทางการและไม่เป็นทางการ
การใช้จุดเน้นของหลักสูตร
ได้มีการสังเคราะห์แนวคิดของนักพัฒนาหลักสูตรที่มีชื่อเสียงพอสรุปได้ 7 ประเภท ดังนี้หลักสูตรที่เน้นวิชาเป็นศูนย์กลาง
หลักสูตรแบบสาขาวิชา
หลักสูตรที่เน้นแก่นเรื่องหรือบูรณาการ
หลักสูตรที่เน้นหมวดวิชา
หลักสูตรที่เน้นปัญหาเป็นศูนย์กลาง
หลักสูตรที่เน้นเทคโนโลยีเป็นศูนย์กลาง
การพัฒนาหลักสูตร
1.ตัวแบบเน้นจุดประสงค์
แบบจำลองของไทเลอร์
ถือเป็นต้นแบบของการพัฒนาหลักสูตร ไทเลอร์ให้คำแนะนำว่า
ในการกำหนดวัตถุประสงค์ทั่วไปของหลักสูตรทำได้ด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ
ประกอบด้วย ข้อมูลผู้เรียน ข้อมูลสังคมที่โรงเรียนตั้งอยู่
และข้อมูลเนื้อหาสาระวิชา นำข้อมูลจากสามแหล่งนี้มาวิเคราะห์เชื่อมโยงเพื่อช่วยให้มั่นใจในข้อมูลที่เก็บรวบรวมมา
การเชื่อมโยงข้อมูลเป็นการสังเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำข้อมูลไปกำหนดจุดประสงค์ของหลักสูตร
(ฉบับร่าง)
ต่อจากนั้นจึงกลั่นกรองด้วยปรัชญาการศึกษาของสถานศึกษาและจิตวิทยาการเรียนรู้
2. ตัวแบบเน้นกลวิธีการสอน
ทาบามีความเห็นว่าหลักสูตรต้องถูกออกแบบโดยครูผู้สอนไม่ใช่คนอื่น
โดยส่งเสริมการสร้างสรรค์การสอนและการเรียนรู้มากกว่าการออกแบบหลักสูตร
ขั้นที่ 1
การวิเคราะห์ความต้องการจำเป็น
ขั้นที่ 2
การกำหนดวัตถุประสงค์
ขั้นที่ 3
การเลือกเนื้อหาสาระ
ขั้นที่ 4
การจัดการเกี่ยวกับเนื้อหาสาระ
ขั้นที่ 5
การเลือกประสบการณ์เรียนรู้
ขั้นที่ 6
การจัดการเกี่ยวกับประสบการณ์เรียนรู้
ขั้นที่ 7
การตัดสินใจว่าจะประเมินอะไรและวิธีการประเมิน
การดำเนินการพัฒนาหลักสูตร
เป็นไปตามลำดับขั้น
โดยอาศัยข้อมูลจากแหล่งกำเนิดที่จะเป็นพื้นฐานในการตัดใจ 3
แหล่งด้วยกัน คือ
1. ศึกษาจากสังคม
2. ศึกษาจากผู้เรียน
3. ข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญในเนื้อหาวิชา
ขั้นตอนในการพัฒนาหลักสูตร มีดังนี้
ขั้นที่
1 การสำรวจความต้องการ (diagnosis of
needs) ครูหรือผู้ร่างหลักสูตรเริ่มกระบวนการ
ด้วยการสำรวจความต้องการของนักเรียนที่หลักสูตรได้วางแผนไว้
ขั้นที่
2 การกำหนดจุดมุ่งหมาย (formulation of
objectives) หลังจากที่ครูได้ระบุความต้องการของนักเรียนแล้ว
ครูกำหนดจุดมุ่งหมายที่จะให้บรรลุผล
ขั้นที่ 3
การเลือกเนื้อหา (Selection of contents) จุดมุ่งหมายที่เลือกไว้หรือที่สร้างขึ้นเป็นตัวชี้แนะแนวทางในการเลือกรายวิชาหรือเนื้อหาของหลักสูตร
ซึ่งควรเลือกเนื้อหาที่มีความเที่ยงตรงและสำคัญด้วย
ขั้นที่ 4
การจัดเนื้อหา (Organization of contents) เมื่อครูเลือกเนื้อหาได้แล้ว
ต้องจัดเนื้อหาโดยเรียงลำดับขั้นตอนให้ถูกต้อง คำนึงถึงวุฒิภาวะของนักเรียน
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสนใจของผู้เรียนด้วย
ขั้นที่ 5
การเลือกประสบการณ์การเรียน (Selection of learning experiences) เมื่อได้เนื้อหาแล้วครูคัดเลือกวิธีการสอนที่เหมาะสมกับเนื้อหาและผู้เรียน
ขั้นที่ 6
การจัดประสบการณ์เรียน (organization of learning experiences) กิจกรรมการเรียนการสอนควรได้รับการจัดเรียงลำดับขั้นตอนเช่นเดียวกับเนื้อหา
แต่ครูต้องจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้เหมาะกับผู้เรียนด้วย
ขั้นที่ 7
การประเมินผลและวิธีการประเมินผล (evaluation and means of evaluation) ผู้ที่วางแผนหลักสูตรต้องประเมินว่าจุดมุ่งหมายใดบรรลุผลสำเร็จและทั้งครูและนักเรียนควรร่วมกันกำหนดวิธีการประเมินผล
สภาพปัจจุบันและแนวโน้มของการพัฒนาหลักสูตรขั้นพื้นฐาน
หลักสูตรต้องวางแผนเพื่อการบรรลุทักษะในศตวรรษที่
21
ในปี 1983
สมาคมการพัฒนาหลักสูตรและการนิเทศ (Association for Supervision and
curriculum development : ASCD)ได้เผยแพร่บทความวิจัย ของ Benjamin I.
Troutman and Robert D.Palombo เรื่อง Identifying Futures Trends in
Curriculum Planning โดยศึกษาจากกลุ่มตัวอย่าง 36
คนจากโรงเรียน Virginia Beach Public Schools ข้อมูลที่ได้สรุปได้ว่า
ในอนาคตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะเป็นตัวชี้การเปลี่ยนแปลงหลักสูตร อันเป็นผลจาก
การขยายความรู้ที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว และความรู้มีความเป็นศาสตร์เฉพาะการเพิ่มขึ้น
ซึ่งมีการศึกษาผลต่อหลักสูตรใน 3 ประเด็น คือ
1. ความเป็นความรู้ที่ร่วมกันของวิทยาการที่เจริญก้าวหน้า
2 .ความสมดุลระหว่างความยากลำบากในการได้มาของข้อเท็จจริงกับการพัฒนาทักษะกระบวนการ
3. เอกสารความรู้ที่ใช้เป็นแหล่งความรู้ในหลักสูตร
จากขอบข่ายดังกล่าวนี้กลุ่มตัวอย่างจากโรงเรียน Virginia Beach Public
Schools ให้ความเห็นว่าแนวโน้มในอนาคตที่มีผลต่อการวางแผนหลักสูตรมี
15 ประเด็นคือ
1.ทักษะพื้นฐานทางวิชาการ (Basic
Academic Skills) จะต้องให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นกับทักษะการสื่อสาร
คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะหลักสูตรอาชีวศึกษา
2. คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นๆ
(Computes and Other Information Technologies) คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นๆมีรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกันแล้วอุปมาดั่งเช่นเป็นพาหนะขับเคลื่อนการศึกษาสำหรับผู้เรียนทุกคน
การพัฒนาแผนสำหรับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมในระบบโรงเรียน Virginia
Beach Public Schools ตั้งแต่อนุบาลถึงเกรดสิบสอง
3. ความยืดหยุ่นของหลักสูตร
(Curriculum Flexibility)ให้โอกาสอันยิ่งใหญ่ที่มั่งคั่งสมบูรณ์และรวดเร็วจากหลักสูตร
สำหรับอนุบาลถึงเกรดสิบสอง
4. การทบทวนหลักสูตร
(Curriculum Revision) พัฒนาแผนปฏิบัติการที่แน่ใจว่าสามารถดำเนินการต่อไปได้
หลักสูตรได้รับการทบทวนและมีการประเมินอย่างเป็นระบบ
5. ความเป็นประชาธิปไตย (Democratic
Ideals)ทำความเข้าใจและให้ความสำคัญกับกระบวนการประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม
6. โปรแกรมสำหรับเด็กเล็ก (Early Childhood
Programs) ขยายโปรแกรมสำหรับเด็กเล็ก
(เด็กก่อนอนุบาล)ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาประสบการณ์การเรียนรู้
7. การมองอนาคต (Futures Perspective) การรวมขอบเขตสาระเป็นหลักสูตรเดียวโดยสิ่งต่างๆเหล่านั้นเป็นประเด็นสะท้อนและอธิบายประเด็นร่วมสมัย
แนวโน้มอนาคต
และความสัมพันธ์ระหว่างปัจจุบันกับเหตุการณ์ที่ผ่านไปและทางเลือกในอนาคต
8. สัมพันธภาพระดับสากล (Global
Interrelationships)ให้ความสำคัญกับมุมมองของความสัมพันธ์ระหว่างเศรษฐกิจ
และวัฒนธรรม-ชาติพันธุ์ของมนุษย์ที่หลักสูตรต้องมีความหลากหลาย
9. การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong
Learning) ขยายโอกาสสำหรับสมาชิกของชุมชนในเขตพื้นที่บริการของโรงเรียนที่สนใจเรียนรู้ในรูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิต
10. สื่อมวลชน (Mass Media) ให้ความสำคัญกับทักษะในการวิเคราะห์วิจารณ์
การฟัง และ การดูที่เกี่ยวข้องกับการแปลความหมายจากสื่อ
11. การเติมเต็มบุคลิกภาพ (Personal
Fulfillment) โรงเรียนเป็นสถานที่อันยิ่งใหญ่ที่จะสร้างความคิดต่อตนเองเชิงบวก
และพัฒนาสัมพันธภาพระหว่างบุคคล
12. การประยุกต์กระบวนการ
(Process Approach)หลักสูตรมุ่งที่การแก้ปัญหา การตัดสินใจ
ความคิดสร้างสรรค์ และทักษะการคิดขั้นสูง ทักษะการนำไปใช้ การวิเคราะห์
สังเคราะห์และประเมินค่า
13. การพัฒนาทีมงาน (Staff Development ) เพิ่มโอกาสให้พัฒนาทีมงาน
โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยี
14. ใช้ชุมชน (Use of Community) เพิ่มบทบาทของผู้ปกครองและแหล่งเรียนรู้ในชุมชนในการจัดโปรแกรมการศึกษาเชื่อมโยงการเรียนรู้ในชั้นเรียนกับประสบการณ์ในชุมชน
15. การอาชีวะและอาชีพศึกษา (Vocational and
Career Education) แน่ใจว่าการศึกษาอาชีวและอาชีพสะท้อนการเปลี่ยนแปลงมโนทัศน์ในการทำงานและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เรียน
แนวโน้มของการพัฒนาหลักสูตร
ในที่นี้ขอเสนอแนวโน้ม
ของกระบวนการการเรียนรู้ในยุคศตวรรษที่ 21
ปัจจัยสนับสนุนการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21องค์ประกอบที่สำคัญและจำเป็นเพื่อในการเรียนรู้ของนักเรียนทักษะในศตวรรษที่
21 คือ มาตรฐานศตวรรษที่ 21
การประเมินผลหลักสูตรการเรียนการสอนการพัฒนาอาชีพและสภาพแวดล้อมการเรียนรู้จะต้องสอดคล้องกับระบบสนับสนุนการผลิตที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ในศตวรรษที่
21 สำหรับนักเรียนในปัจจุบัน
มาตรฐานศตวรรษที่ 21
- มุ่งเน้นทักษะในศตวรรษที่
21 นักเรียนมีความรู้ในเนื้อหาและความเชี่ยวชาญ
- สร้างความเข้าใจระหว่างวิชาหลัก
เช่นเดียวกับรูปแบบสหวิทยาการศตวรรษที่ 21
- เน้นความเข้าใจอย่างลึกซึ้งมากกว่าความรู้แบบผิวเผิน
- การของมีส่วนร่วมของนักเรียนกับ
ข้อมูลและ
เครื่องมือในโลกแห่งความเป็นจริงและพวกเขาจะพบผู้เชียวชาญในวิทยาลัยหรือในที่ทำงานและ
ชีวิตนักเรียนจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดเมื่อทำงานอย่างแข็งขัน
การแก้ปัญหาที่มีความหมาย
- การมีมาตรการหลายๆรูปแบบของการเรียนรู้
อ้างอิง
คำถามทบทวน
ปรนัย
1. ไทเลอร์
กล่าวว่า
ในการพัฒนาหลักสูตรนั้นควรจะตอบคำถามพื้นฐานได้กี่ประการ
ก.4
ประการ ข.6 ประการ
ค.8
ประการ ง.10 ประการ
จ.12
ประการ
ตอบ
ก.4 ประการ
2.แบบจำลองการพัฒนาหลักสูตรของทาบา (Taba
1962: 10) มีทั้งหมดกี่ขั้น
ก.3 ขั้น ข.5 ขั้น
ค.7 ขั้น ง.9
ขั้น
จ.11 ขั้น
ตอบ ค.7 ขั้น
3. SU Model คือ
ก.การนำหลักสูตรไปใช้ ข.เวลาที่ใช้สอน
ค.ปัจจัยในการนำหลักสูตรไปใช้ ง.สื่อที่ใช้
จ.รูปแบบจำลองโลกแห่งการศึกษา
ตอบ
จ.รูปแบบจำลองโลกแห่งการศึกษา
4. หลักสูตรคืออะไร ?
ก. คู่มือประกอบการศึกษาของครู ข. เอกสารกำหนดทิศทางให้ครูสอน
ค.
ประสบการณ์ที่โรงเรียนจัดให้นักเรียน ง. เนื้อหาวิชาที่กำหนดให้นักเรียนเรียน
จ.
ประสบการณ์ในโรงเรียน
ตอบข้อ
ค. ประสบการณ์ที่โรงเรียนจัดให้นักเรียน
5. การศึกษาในปัจจุบันมุ่งพัฒนาในด้านใด ?
ก. ชีวิตและสังคม ข. สังคม
ค. ชีวิตและสิ่งแวดล้อม ง. เศรษฐกิจและชุมชน
จ.ชุมชน
ตอบข้อ ก. ชีวิตและสังคม
6. ปรัชญาการศึกษานำมาใช้ประโยชน์โดยตรงในข้อใด ?
ก. กำหนดเนื้อหาสาระ ข.
กำหนดการจัดกระบวนการสอน
ค. กำหนดวิธีการสอนและหลักการสอน ง.
กำหนดเป้าหมายและจุดมุ่งหมายของการศึกษา
จ. กำหนดการจัดกระบวนการเรียนการสอน
ตอบข้อ ง.
กำหนดเป้าหมายและจุดมุ่งหมายของการศึกษา
7.ปัจจุบันการจัดระบบการศึกษาเป็นหน้าที่ของใคร
?
ก. รัฐ ข. ท้องถิ่น
ค. สถานศึกษา ง. กระทรวงศึกษาธิการ
จ.
ที่ว่าการอำเภอ
ตอบข้อ ก. รัฐ
8. บุคคลในข้อใดเป็นผู้ให้ความหมายของคำว่า
หลักสูตร หมายถึง
วิธีเตรียมเยาวชนให้มีส่วนร่วมในฐานะที่เป็นสมาชิกที่สามารถสร้างผลผลิตให้
แก่สังคมของเรา ?
ก.
กู๊ด ข.
ทาบา
ค. วิชัย วงษ์ใหญ่ ง. ธำรง บัวศรี
จ.สงัด อุทรานันท์
ตอบข้อ
ข. ทาบา
9.หลักสูตรที่เน้นการถ่ายทอดเนื้อหาวิชาเป็นหลัก
ต้องการให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เนื้อหาวิชามากๆเป็นลักษณะของหลักสูตรแบบใด ?
ก. แบบสัมพันธ์วิชา ข.แบบหมวดวิชา
ค. แบบเนื้อหาวิชา ง. แบบบูรณาการ
จ.แบบเนื้อหาวิชาแบบหมวดวิชา
ตอบข้อ ค. แบบเนื้อหาวิชา
10.หลักสูตรแบบใดที่ได้แนวคิดจากปรัชญาการศึกษาพิพัฒนาการ
?
ก. หลักสูตรกิจกรรม ข.
หลักสูตรแกนกลาง
ค. หลักสูตรเพื่อชีวิตและสังคม ง. หลักสูตรสังคม
จ. ถูกทั้ง ก. และ ข.
ตอบข้อ จ . ถูกทั้ง ก. และ ข.
อัตนัย
1. หลักสูตรแบ่งได้กี่ประเภทอะไรบ้าง
ตอบ แบ่งได้ 4
ประเภทประกอบด้วย
1) ประเภทเน้นเนื้อหาวิชา 2) ประเภทเน้นผู้เรียน
3) ประเภทเน้นสังคม 4) ประเภทเน้นการบูรณาการ
2. หลักสูตรที่ยึดปรัชญาแบบนิรันตรนิยมกับสารัตนิยมคือ?
ตอบ หลักสูตรรายวิชา
3. รูป แบบการพัฒนาของราล์ฟ ไทลอร์
ประกอบด้วยอะไรบ้าง
ตอบ 1) มีจุดมุ่งหมายทางการศึกษา 2) ประสบการณ์ทางการศึกษา
3 จะจัดให้ประสบการณ์มีประสิทธิภาพอย่างไร 4) จะประเมินผลจุดมุ่งหมายอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ
4. การประเมินผลประกอบด้วยอะไรบ้าง
ตอบ 1)การประเมินผลการเรียน 2)การประมินผลหลักสูตร
5. โบชอง ให้องค์ประกอบของหลักสูตร 4
ส่วนคือ
ตอบ 1) เป้าหมายหรือวัตถุประสงค์เฉพาะ 2) ขอบข่ายเนื้อหา
3) การวางเเผนการใช้หลักสูตร 4) การพิจารณาตัดสิน
0 Post a Comment:
แสดงความคิดเห็น