ปรัชญา แนวคิด หลักการ และทฤษฎีด้านการพัฒนาหลักสูตร👩🏻‍🎓

 

🟢ปรัชญา แนวคิด หลักการ และทฤษฎีด้านการพัฒนาหลักสูตร🟢

 

 แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาหลักสูตร

 1.1 ความหมายและความสำคัญของหลักสูตร หลักสูตรหมายถึง จากอดีตถึงปัจจุบันมีความหมายแตกต่างกันตามยุคสมัย ซึ่งในปัจจุบันอาจจะสรุปได้ว่า หลักสูตรเป็นผลหรือมวลประสบการณ์ ที่ประกอบด้วยผลลัพธ์ที่คาดหวังหรือมาตรฐานการเรียนรู้ เนื้อหาสาระ ประสบการณ์การเรียนรู้ วิธีการสอนและการวัดประเมินผลเพื่อนำไปสู่เป้าหมายโดยนักพัฒนาหลักสูตรต้องทำหน้าที่กำหนดเป้าหมาย วางแผนการจัดประสบการณ์เรียนรู้ เนื้อหาสาระและประเมินผลการเรียนรู้

ความสําคัญของหลักสูตร วิชัย วงษ์ใหญ่ ได้ให้ข้อคิดเห็นว่าหลักสูตรมีความสำคัญและจำเป็นสำหรับการจัดการศึกษา โดยหลักสูตร จะเป็นเครื่องมือที่ทำให้ ความมุ่งหมายของการศึกษาของประเทศในแต่ละระดับมีประสิทธิภาพดังนั้นอาจจะสรุปความสำคัญของหลักสูตรได้ดังนี้


ปรัชญาการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตร

     1. ปรัชญาสารัตถนิยม มุ่งหมายถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมและค่านิยมเพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ได้รับการทบทวนตรวจสอบและพิจารณาอย่างรอบคอบว่าเป็นสิ่งที่ดีและสมควรที่จะจดจำและรักษาไว้เพื่อสืบทอดให้คนรุ่นหลัง ดังนั้นปรัชญาสาขานี้ จึงเน้นเนื้อหาสาระ ที่เกี่ยวกับความรู้พื้นฐานหรือความรู้ทั่วไปซึ่งเป็นทักษะเชิงปัญญาหรือศิลปศาสตร์ได้แก่ภาษา ประวัติศาสตร์ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และวิชาอื่นที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรม

       2. ปรัชญาพิพัฒนนิยม มีพื้นฐานแนวคิดมาจากปรัชญาประสบการณ์นิยม และปรัชญา ปฏิบัตินิยม ที่เชื่อว่ามนุษย์เป็นนักคิดที่สามารถแก้ไขปัญหาสังคมได้จริง เน้นที่การกระทำมากกว่าความรู้อย่างเดียว แนวคิดของปรัชญาการศึกษากลุ่มนี้สะท้อนให้เห็นว่าบทบาทของผู้บริหารคือส่งเสริมสนับสนุนครูสามารถทำหน้าที่การสอนได้ถูกต้อง

       3. ปรัชญาอัตนิยม ให้คุณค่าของความเป็นปัจเจกบุคคล ดูชื่อว่าการศึกษาคือ การให้เสรีภาพแก่ผู้เรียนในการเลือกตัดสินใจตามความต้องการของผู้เรียน การจัดการศึกษาในแนวนี้จึงให้ความสำคัญแก่ผู้เรียนเป็นรายบุคคล

       4. ปรัชญาบูรณนิยม ปรัชญานี้ด้านขยายแนวคิดของปรัชญาพิพัฒนนิยม ปรัชญาการศึกษาในแนวนี้ถือว่าสังคมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสังคมในปัจจุบันนี้รวมถึงอนาคตมีปัญหามากทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง ศิลปะวัฒนธรรม สภาพแวดล้อม และเทคโนโลยี ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลก นักปรัชญาการศึกษาแนวคิดที่เชื่อในหลักการ 3 ประการ ได้แก่ ความเป็นประชาคมโลก ความเป็นพี่น้อง และความเป็นประชาธิปไตยจะเห็นได้ว่าปรัชญาการศึกษาดังกล่าวมีความสัมพันธ์กับการจัดการศึกษาอย่างมาก โดยเนื้อหาสาระของปรัชญาได้ช่วยให้ความกระจ่างชัดหลักสูตรและการเรียนการสอน

 

 ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตร

ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะการเรียนรู้ ที่นักพัฒนาหลักสูตรส่วนใหญ่นำมาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน โดยจะนำเสนอ  3 ทฤษฎีที่สำคัญคือ  1.ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยม 2. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยม 3. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษย์นิยม

   1. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยม  ได้กล่าวว่ามนุษย์ได้เรียนรู้ผ่านเงื่อนไขซึ่งหมายถึงถ้ามนุษย์ตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ถูกต้อง และได้รับการเสริมแรง ก็จะทำให้เกิดการเรียนรู้

  2. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยม ทฤษฎีการเรียนรู้นี้ เป็นอีกแนวหนึ่ง  อธิบายว่า นักเรียนเรียนรู้ได้อย่างไร โดยมีความเชื่อว่าการเรียนรู้ของบุคคลมีสาเหตุมาจากปัจจัยที่สำคัญได้แก่ เจตคติ ค่านิยม ประสบการณ์ดั้งเดิม และความสนใจของบุคคลนั้น

  3. ทฤษฎีกลุ่มนิยม หรือกลุ่มแรงจูงใจ ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มนี้ ให้ความสำคัญกับความเป็นมนุษย์ โดยมองว่ามนุษย์เกิดมาพร้อมกับความดีงามมีอิสระ สามารถนำตนเองและพึ่งตนเองได้ ลักษณะของการจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดนี้ จะเน้นที่เด็กเป็นศูนย์กลาง  และเน้นการสร้างคุณค่าในตนเองให้เกิดกับผู้เรียน

 

ความสัมพันธ์ระหว่างหลักสูตรและการสอน

     สิ่งที่ต้องดำเนินการก่อนการออกแบบการเรียนการสอน คือการวิเคราะห์หลักสูตร เพราะ หลักสูตรเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญซึ่งจะบอกให้เราทราบว่า ผู้เรียนควรรู้อะไรและทำอะไรได้ หรือ บอก ผลการเรียนรู้ที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ต้องยึดถือในการออกแบบการเรียน    การสอน  สำหรับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ซึ่งโรงเรียนยึดถือเป็น กรอบแนวทางในการจัดการเรียนการสอนให้กับนักเรียนในปัจจุบันนั้น ได้กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัดในกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ ไว้ 8 กลุ่มสาระ การวิเคราะห์ตัวชี้วัดเหล่านี้จะทำให้ทราบว่า ผู้เรียนควรจะมีความรู้อะไรและสามารถปฏิบัติสิ่งใดได้ ซึ่งนำมาใช้ในการกำหนดผลการเรียนรู้และ เนื้อหาการเรียนรู้  ซึ่งนำมาจัดทำเป็นหน่วยการเรียนรู้ ที่ประกอบด้วยโครงสร้างของเนื้อหา และเวลาที่ กำหนดไว้สำหรับการจัดการเรียนการสอน จากหน่วยการเรียนรู้พัฒนาต่อไปเป็นบทเรียนและแผนการเรียน การสอนประจำบทเรียน ที่มีจุดประสงค์การเรียนรู้แตกรายละเอียดย่อยออกมาจากผลการเรียนรู้เป็น เป้าหมายในการจัดการเรียนการสอน จะเห็นว่าการพัฒนาหลักสูตรเป็นกิจกรรมที่มีความสัมพันธ์กับ การออกแบบการเรียนการสอนการออกแบบการเรียนการสอนมีขอบเขตของการดำเนินการแตกต่างกัน ตั้งแต่การออกแบบ การเรียนการสอนเป็นรายแผน ไปจนถึงการออกแบบการเรียนการสอนทั้งหน่วยการเรียนรู้ และทั้งรายวิชา ขอบเขตในการดำเนินงานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนนี้ ทำให้มีความซับซ้อน และยุ่งยากในการดำเนินงาน แตกต่างกันเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามรูปแบบในการออกแบบการเรียนการสอนทั่วไปยังคงนำมา ประยุกต์ใช้ได้กับการดำเนินงาน สิ่งสำคัญที่ต้องยึดเป็นหลักในการดำเนินการออกแบบการเรียนการสอนคือการยึดผลการเรียนรู้/จุดประสงค์การเรียนรู้ เป็นเป้าหมายในการดำเนินงาน

 

ประเภทของหลักสูตร

การแบ่งประเภทของหลักสูตรมีความหลากหลายความคิด ขึ้นอยู่กับการรับรู้ความคิดเห็นของนักพัฒนาหลักสูตรจะใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง จากการศึกษาสรุปได้ว่ามี  3  แนวคิดสำหรับที่สามารถนำมาใช้เป็นเกณฑ์ในการแบ่งประเภทของหลักสูตรดังนี้

1.การใช้จุดเน้นของหลักสูตร       2.การใช้ระดับการบริหารจัดการหลักสูตร

3.การเป็นเอกสารที่ใช้เป็นทางการและไม่เป็นทางการ

 การใช้จุดเน้นของหลักสูตร ได้มีการสังเคราะห์แนวคิดของนักพัฒนาหลักสูตรที่มีชื่อเสียงพอสรุปได้  7 ประเภท ดังนี้หลักสูตรที่เน้นวิชาเป็นศูนย์กลาง

หลักสูตรแบบสาขาวิชา

หลักสูตรที่เน้นแก่นเรื่องหรือบูรณาการ

หลักสูตรที่เน้นหมวดวิชา

หลักสูตรที่เน้นปัญหาเป็นศูนย์กลาง

หลักสูตรที่เน้นเทคโนโลยีเป็นศูนย์กลาง

  

การพัฒนาหลักสูตร

1.ตัวแบบเน้นจุดประสงค์

แบบจำลองของไทเลอร์ ถือเป็นต้นแบบของการพัฒนาหลักสูตร ไทเลอร์ให้คำแนะนำว่า ในการกำหนดวัตถุประสงค์ทั่วไปของหลักสูตรทำได้ด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ประกอบด้วย ข้อมูลผู้เรียน ข้อมูลสังคมที่โรงเรียนตั้งอยู่ และข้อมูลเนื้อหาสาระวิชา นำข้อมูลจากสามแหล่งนี้มาวิเคราะห์เชื่อมโยงเพื่อช่วยให้มั่นใจในข้อมูลที่เก็บรวบรวมมา การเชื่อมโยงข้อมูลเป็นการสังเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำข้อมูลไปกำหนดจุดประสงค์ของหลักสูตร (ฉบับร่าง) ต่อจากนั้นจึงกลั่นกรองด้วยปรัชญาการศึกษาของสถานศึกษาและจิตวิทยาการเรียนรู้

2. ตัวแบบเน้นกลวิธีการสอน

ทาบามีความเห็นว่าหลักสูตรต้องถูกออกแบบโดยครูผู้สอนไม่ใช่คนอื่น โดยส่งเสริมการสร้างสรรค์การสอนและการเรียนรู้มากกว่าการออกแบบหลักสูตร

 แบบจำลองการพัฒนาหลักสูตรของทาบา (Taba 1962: 10) มีทั้งหมด 7 ขั้น ดังนี้

ขั้นที่ 1 การวิเคราะห์ความต้องการจำเป็น

ขั้นที่ 2 การกำหนดวัตถุประสงค์

ขั้นที่ 3 การเลือกเนื้อหาสาระ

ขั้นที่ 4 การจัดการเกี่ยวกับเนื้อหาสาระ

ขั้นที่ 5 การเลือกประสบการณ์เรียนรู้

ขั้นที่ 6 การจัดการเกี่ยวกับประสบการณ์เรียนรู้

ขั้นที่ 7 การตัดสินใจว่าจะประเมินอะไรและวิธีการประเมิน

 

การดำเนินการพัฒนาหลักสูตร

เป็นไปตามลำดับขั้น โดยอาศัยข้อมูลจากแหล่งกำเนิดที่จะเป็นพื้นฐานในการตัดใจ 3 แหล่งด้วยกัน คือ

 1. ศึกษาจากสังคม

 2. ศึกษาจากผู้เรียน

 3. ข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญในเนื้อหาวิชา

ขั้นตอนในการพัฒนาหลักสูตร มีดังนี้

 ขั้นที่  1 การสำรวจความต้องการ (diagnosis of needs) ครูหรือผู้ร่างหลักสูตรเริ่มกระบวนการ ด้วยการสำรวจความต้องการของนักเรียนที่หลักสูตรได้วางแผนไว้

 ขั้นที่ 2 การกำหนดจุดมุ่งหมาย (formulation of objectives) หลังจากที่ครูได้ระบุความต้องการของนักเรียนแล้ว ครูกำหนดจุดมุ่งหมายที่จะให้บรรลุผล

ขั้นที่ 3 การเลือกเนื้อหา (Selection of contents) จุดมุ่งหมายที่เลือกไว้หรือที่สร้างขึ้นเป็นตัวชี้แนะแนวทางในการเลือกรายวิชาหรือเนื้อหาของหลักสูตร ซึ่งควรเลือกเนื้อหาที่มีความเที่ยงตรงและสำคัญด้วย

 ขั้นที่ 4 การจัดเนื้อหา (Organization of contents) เมื่อครูเลือกเนื้อหาได้แล้ว ต้องจัดเนื้อหาโดยเรียงลำดับขั้นตอนให้ถูกต้อง คำนึงถึงวุฒิภาวะของนักเรียน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสนใจของผู้เรียนด้วย

 ขั้นที่ 5 การเลือกประสบการณ์การเรียน (Selection of learning experiences) เมื่อได้เนื้อหาแล้วครูคัดเลือกวิธีการสอนที่เหมาะสมกับเนื้อหาและผู้เรียน

ขั้นที่ 6 การจัดประสบการณ์เรียน (organization of learning experiences) กิจกรรมการเรียนการสอนควรได้รับการจัดเรียงลำดับขั้นตอนเช่นเดียวกับเนื้อหา แต่ครูต้องจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้เหมาะกับผู้เรียนด้วย

 ขั้นที่ 7 การประเมินผลและวิธีการประเมินผล (evaluation and means of evaluation) ผู้ที่วางแผนหลักสูตรต้องประเมินว่าจุดมุ่งหมายใดบรรลุผลสำเร็จและทั้งครูและนักเรียนควรร่วมกันกำหนดวิธีการประเมินผล

 

สภาพปัจจุบันและแนวโน้มของการพัฒนาหลักสูตรขั้นพื้นฐาน

หลักสูตรต้องวางแผนเพื่อการบรรลุทักษะในศตวรรษที่ 21

 ในปี 1983 สมาคมการพัฒนาหลักสูตรและการนิเทศ (Association for Supervision and curriculum development : ASCD)ได้เผยแพร่บทความวิจัย ของ Benjamin I. Troutman and Robert D.Palombo เรื่อง Identifying Futures Trends in Curriculum Planning โดยศึกษาจากกลุ่มตัวอย่าง 36 คนจากโรงเรียน Virginia Beach Public Schools ข้อมูลที่ได้สรุปได้ว่า ในอนาคตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะเป็นตัวชี้การเปลี่ยนแปลงหลักสูตร อันเป็นผลจาก การขยายความรู้ที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว และความรู้มีความเป็นศาสตร์เฉพาะการเพิ่มขึ้น ซึ่งมีการศึกษาผลต่อหลักสูตรใน 3 ประเด็น คือ

1. ความเป็นความรู้ที่ร่วมกันของวิทยาการที่เจริญก้าวหน้า

2 .ความสมดุลระหว่างความยากลำบากในการได้มาของข้อเท็จจริงกับการพัฒนาทักษะกระบวนการ

3. เอกสารความรู้ที่ใช้เป็นแหล่งความรู้ในหลักสูตร จากขอบข่ายดังกล่าวนี้กลุ่มตัวอย่างจากโรงเรียน Virginia Beach Public Schools ให้ความเห็นว่าแนวโน้มในอนาคตที่มีผลต่อการวางแผนหลักสูตรมี 15 ประเด็นคือ

    1.ทักษะพื้นฐานทางวิชาการ (Basic Academic Skills) จะต้องให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นกับทักษะการสื่อสาร คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะหลักสูตรอาชีวศึกษา

    2. คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นๆ (Computes and Other Information Technologies) คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นๆมีรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกันแล้วอุปมาดั่งเช่นเป็นพาหนะขับเคลื่อนการศึกษาสำหรับผู้เรียนทุกคน การพัฒนาแผนสำหรับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมในระบบโรงเรียน Virginia Beach Public Schools ตั้งแต่อนุบาลถึงเกรดสิบสอง

    3. ความยืดหยุ่นของหลักสูตร (Curriculum Flexibility)ให้โอกาสอันยิ่งใหญ่ที่มั่งคั่งสมบูรณ์และรวดเร็วจากหลักสูตร สำหรับอนุบาลถึงเกรดสิบสอง

    4. การทบทวนหลักสูตร (Curriculum Revision) พัฒนาแผนปฏิบัติการที่แน่ใจว่าสามารถดำเนินการต่อไปได้ หลักสูตรได้รับการทบทวนและมีการประเมินอย่างเป็นระบบ

5. ความเป็นประชาธิปไตย (Democratic Ideals)ทำความเข้าใจและให้ความสำคัญกับกระบวนการประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม

6. โปรแกรมสำหรับเด็กเล็ก (Early Childhood Programs) ขยายโปรแกรมสำหรับเด็กเล็ก (เด็กก่อนอนุบาล)ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาประสบการณ์การเรียนรู้

7. การมองอนาคต (Futures Perspective) การรวมขอบเขตสาระเป็นหลักสูตรเดียวโดยสิ่งต่างๆเหล่านั้นเป็นประเด็นสะท้อนและอธิบายประเด็นร่วมสมัย แนวโน้มอนาคต และความสัมพันธ์ระหว่างปัจจุบันกับเหตุการณ์ที่ผ่านไปและทางเลือกในอนาคต

8. สัมพันธภาพระดับสากล (Global Interrelationships)ให้ความสำคัญกับมุมมองของความสัมพันธ์ระหว่างเศรษฐกิจ และวัฒนธรรม-ชาติพันธุ์ของมนุษย์ที่หลักสูตรต้องมีความหลากหลาย

9. การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) ขยายโอกาสสำหรับสมาชิกของชุมชนในเขตพื้นที่บริการของโรงเรียนที่สนใจเรียนรู้ในรูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิต

10. สื่อมวลชน (Mass Media) ให้ความสำคัญกับทักษะในการวิเคราะห์วิจารณ์ การฟัง และ การดูที่เกี่ยวข้องกับการแปลความหมายจากสื่อ

11. การเติมเต็มบุคลิกภาพ (Personal Fulfillment) โรงเรียนเป็นสถานที่อันยิ่งใหญ่ที่จะสร้างความคิดต่อตนเองเชิงบวก และพัฒนาสัมพันธภาพระหว่างบุคคล

 12. การประยุกต์กระบวนการ (Process Approach)หลักสูตรมุ่งที่การแก้ปัญหา การตัดสินใจ ความคิดสร้างสรรค์ และทักษะการคิดขั้นสูง ทักษะการนำไปใช้ การวิเคราะห์ สังเคราะห์และประเมินค่า

13. การพัฒนาทีมงาน (Staff Development ) เพิ่มโอกาสให้พัฒนาทีมงาน โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยี

14. ใช้ชุมชน (Use of Community) เพิ่มบทบาทของผู้ปกครองและแหล่งเรียนรู้ในชุมชนในการจัดโปรแกรมการศึกษาเชื่อมโยงการเรียนรู้ในชั้นเรียนกับประสบการณ์ในชุมชน

15. การอาชีวะและอาชีพศึกษา (Vocational and Career Education) แน่ใจว่าการศึกษาอาชีวและอาชีพสะท้อนการเปลี่ยนแปลงมโนทัศน์ในการทำงานและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เรียน

 

แนวโน้มของการพัฒนาหลักสูตร

ในที่นี้ขอเสนอแนวโน้ม ของกระบวนการการเรียนรู้ในยุคศตวรรษที่ 21

ปัจจัยสนับสนุนการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21องค์ประกอบที่สำคัญและจำเป็นเพื่อในการเรียนรู้ของนักเรียนทักษะในศตวรรษที่ 21 คือ มาตรฐานศตวรรษที่ 21 การประเมินผลหลักสูตรการเรียนการสอนการพัฒนาอาชีพและสภาพแวดล้อมการเรียนรู้จะต้องสอดคล้องกับระบบสนับสนุนการผลิตที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ในศตวรรษที่ 21 สำหรับนักเรียนในปัจจุบัน

มาตรฐานศตวรรษที่ 21

-  มุ่งเน้นทักษะในศตวรรษที่ 21 นักเรียนมีความรู้ในเนื้อหาและความเชี่ยวชาญ

-  สร้างความเข้าใจระหว่างวิชาหลัก เช่นเดียวกับรูปแบบสหวิทยาการศตวรรษที่ 21

-  เน้นความเข้าใจอย่างลึกซึ้งมากกว่าความรู้แบบผิวเผิน

-  การของมีส่วนร่วมของนักเรียนกับ ข้อมูลและ เครื่องมือในโลกแห่งความเป็นจริงและพวกเขาจะพบผู้เชียวชาญในวิทยาลัยหรือในที่ทำงานและ ชีวิตนักเรียนจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดเมื่อทำงานอย่างแข็งขัน การแก้ปัญหาที่มีความหมาย

-  การมีมาตรการหลายๆรูปแบบของการเรียนรู้

 

อ้างอิง

https://sites.google.com/a/crru.ac.th/ban-khunkhru-cen-ci-ra/bth-thi-5-thvsdi-laea-kar-phathna-hlaksutr?fbclid=IwAR1mur35VGHVKDTLlG6vrWBpPh0JlJ-pQaAbwkI9EOTmGTW5uupHik5rBW0

  คำถามทบทวน

ปรนัย

1. ไทเลอร์  กล่าวว่า  ในการพัฒนาหลักสูตรนั้นควรจะตอบคำถามพื้นฐานได้กี่ประการ

 ก.4 ประการ      ข.6 ประการ

 ค.8 ประการ      ง.10 ประการ

 จ.12 ประการ

 ตอบ ก.4 ประการ

2.แบบจำลองการพัฒนาหลักสูตรของทาบา (Taba 1962: 10) มีทั้งหมดกี่ขั้น

ก.3 ขั้น     ข.5 ขั้น

ค.7 ขั้น     ง.9 ขั้น

จ.11 ขั้น

ตอบ ค.7 ขั้น

3. SU Model คือ

ก.การนำหลักสูตรไปใช้         ข.เวลาที่ใช้สอน

 ค.ปัจจัยในการนำหลักสูตรไปใช้      ง.สื่อที่ใช้

จ.รูปแบบจำลองโลกแห่งการศึกษา

ตอบ จ.รูปแบบจำลองโลกแห่งการศึกษา

4. หลักสูตรคืออะไร ?

ก. คู่มือประกอบการศึกษาของครู       ข. เอกสารกำหนดทิศทางให้ครูสอน

 ค. ประสบการณ์ที่โรงเรียนจัดให้นักเรียน       ง. เนื้อหาวิชาที่กำหนดให้นักเรียนเรียน

 จ. ประสบการณ์ในโรงเรียน

 ตอบข้อ ค. ประสบการณ์ที่โรงเรียนจัดให้นักเรียน

5. การศึกษาในปัจจุบันมุ่งพัฒนาในด้านใด ?

ก. ชีวิตและสังคม           ข. สังคม

ค. ชีวิตและสิ่งแวดล้อม   ง. เศรษฐกิจและชุมชน

จ.ชุมชน

ตอบข้อ ก. ชีวิตและสังคม

6. ปรัชญาการศึกษานำมาใช้ประโยชน์โดยตรงในข้อใด ?

ก. กำหนดเนื้อหาสาระ                              ข. กำหนดการจัดกระบวนการสอน

ค. กำหนดวิธีการสอนและหลักการสอน      ง. กำหนดเป้าหมายและจุดมุ่งหมายของการศึกษา

จ. กำหนดการจัดกระบวนการเรียนการสอน

ตอบข้อ ง. กำหนดเป้าหมายและจุดมุ่งหมายของการศึกษา

 7.ปัจจุบันการจัดระบบการศึกษาเป็นหน้าที่ของใคร ?

 ก. รัฐ         ข. ท้องถิ่น

ค. สถานศึกษา     ง. กระทรวงศึกษาธิการ

จ. ที่ว่าการอำเภอ

ตอบข้อ ก. รัฐ

 8. บุคคลในข้อใดเป็นผู้ให้ความหมายของคำว่า หลักสูตร หมายถึง วิธีเตรียมเยาวชนให้มีส่วนร่วมในฐานะที่เป็นสมาชิกที่สามารถสร้างผลผลิตให้ แก่สังคมของเรา ?

 ก. กู๊ด          ข. ทาบา

ค. วิชัย วงษ์ใหญ่      ง. ธำรง บัวศรี

จ.สงัด อุทรานันท์

ตอบข้อ ข. ทาบา

9.หลักสูตรที่เน้นการถ่ายทอดเนื้อหาวิชาเป็นหลัก ต้องการให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เนื้อหาวิชามากๆเป็นลักษณะของหลักสูตรแบบใด ?

ก. แบบสัมพันธ์วิชา       ข.แบบหมวดวิชา

ค. แบบเนื้อหาวิชา         ง. แบบบูรณาการ

จ.แบบเนื้อหาวิชาแบบหมวดวิชา

ตอบข้อ ค. แบบเนื้อหาวิชา

10.หลักสูตรแบบใดที่ได้แนวคิดจากปรัชญาการศึกษาพิพัฒนาการ ?

ก. หลักสูตรกิจกรรม          ข. หลักสูตรแกนกลาง

ค. หลักสูตรเพื่อชีวิตและสังคม        ง. หลักสูตรสังคม

จ. ถูกทั้ง ก. และ ข.

ตอบข้อ จ . ถูกทั้ง ก. และ ข.


อัตนัย

1. หลักสูตรแบ่งได้กี่ประเภทอะไรบ้าง

ตอบ แบ่งได้ 4 ประเภทประกอบด้วย

1) ประเภทเน้นเนื้อหาวิชา   2) ประเภทเน้นผู้เรียน

3) ประเภทเน้นสังคม          4) ประเภทเน้นการบูรณาการ

2. หลักสูตรที่ยึดปรัชญาแบบนิรันตรนิยมกับสารัตนิยมคือ?

ตอบ  หลักสูตรรายวิชา

3. รูป แบบการพัฒนาของราล์ฟ ไทลอร์ ประกอบด้วยอะไรบ้าง

ตอบ 1) มีจุดมุ่งหมายทางการศึกษา   2) ประสบการณ์ทางการศึกษา

3 จะจัดให้ประสบการณ์มีประสิทธิภาพอย่างไร   4) จะประเมินผลจุดมุ่งหมายอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ

4. การประเมินผลประกอบด้วยอะไรบ้าง

ตอบ 1)การประเมินผลการเรียน     2)การประมินผลหลักสูตร

5. โบชอง ให้องค์ประกอบของหลักสูตร 4 ส่วนคือ

ตอบ 1) เป้าหมายหรือวัตถุประสงค์เฉพาะ   2) ขอบข่ายเนื้อหา

3) การวางเเผนการใช้หลักสูตร       4) การพิจารณาตัดสิน

0 Post a Comment:

แสดงความคิดเห็น

 

นางสาว นัฐกาญจน์ ชอบชม Template by Ipietoon Cute Blog Design