รูปแบบของหลักสูตร📗

🟣รูปแบบของหลักสูตร🟣

แนวคิดในการออกแบบหลักสูตร

การออกแบบหลักสูตรอาศัยแนวคิดของไทเลอร์ คือ การเลือกประสบการณ์การเรียนรู้อย่างไรที่ช่วยให้ผู้เรียนบรรลุวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ (Tyler, 1969) การออกแบบหลักสูตร คือ การตัดสินใจเกี่ยวกับรูปร่างหรือการจัดเค้าโครงในการวางแผนพัฒนาหลักสูตร การออกแบบหลักสูตรจะเกี่ยวข้องกับการกำหนดจุดมุ่งหมายและจุดประสงค์ของหลักสูตร อันจะนำไปสู่การจัดโครงสร้างเนื้อหาสาระ ช่วยให้ครูเลือกและจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้เหมาะสมซึ่งจะเกี่ยวข้องกับภาระงาน  4 เรื่อง คือ จุดประสงค์  เนื้อหาสาระ ประสบการณ์การเรียนรู้การสอน และการประเมิน การออกแบบหลักสูตรที่แตกต่างกันให้คุณภาพที่หลากหลายทั้งความรู้และประสบการณ์ การออกแบบหลักสูตรต้องพิจารณาเรื่องเศรษฐกิจเป็นอันดับแรกและความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติของการจัดการสอน การจัดโครงสร้างเนื้อหาสาระและงานที่มอบหมาย เรื่องของเวลาและการจัดสรรทรัพยากร จะต้องตอบให้ได้ว่าผู้เรียนจะเรียนอะไร จะจัดโครงสร้างที่เรียนอย่างไร หลักสูตรจะแสดงในรูปแบบใดและจะจัดโครงสร้างอย่างไร ผู้ออกแบบหลักสูตรต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้

 

รูปแบบของหลักสูตร(Curriculum Design)

1.หลักสูตรแบบเน้นเนื้อหา (The Subject Matter Curriculum)

เป็นรูปแบบที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งใช้ในการสอนศาสนา ละติน กรีก อาจเรียกชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า เป็นหลักสูตรที่เน้นเนื้อหาเป็นศูนย์กลาง (Subject-Centered-Curriculum) ซึ่งสอดคล้องกับวิธีการสอนของครูที่ใช้วิธีการ บรรยาย ปรัชญาการจัดการศึกษาแนวนี้จะยึดปรัชญาสารัตถนิยม(Essentialism)และสัจวิทยา (Perennialism)

 

2.หลักสูตรสหสัมพันธ์ (Correlated Curriculum)

หลักสูตรสหสัมพันธ์ คือ หลักสูตรเนื้อหาวิชาอีกรูปแบบหนึ่ง แต่เป็นหลักสูตรที่นำเอาเนื้อหาวิชาของ

วิชาต่าง ๆ ที่สอดคล้องหรือส่งเสริมซึ่งกันและกันมาเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน แล้วจัดสอนเป็นเนื้อหาเดียวกัน

วิธีการดังกล่าวอาศัยหลักความคิดของนักการศึกษาที่ว่า การที่จะเรียนรู้สิ่งใดให้ได้ดีผู้เรียนต้องมีความสนใจเข้าใจความหมายของสิ่งที่เรียนและมองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งที่เรียนกับสิ่งอื่นที่เกี่ยวข้อง

เพราะฉะนั้นหลักสูตรสหสัมพันธ์จะกำหนดเนื้อวิชาใดวิชาหนึ่งหรือหมวดใดหมวดหนึ่ง แล้วนำเนื้อหาสาระวิชาที่สัมพันธ์กันมารวมไว้ด้วยกัน

 

 3.หลักสูตรแบบผสมผสาน(Fused Curriculum or Fusion Curriculum)

หลักสูตรแบบผสมผสานเป็นหลักสูตรที่พยายามปรับปรุงข้อบกพร่องของหลักสูตรเนื้อหาวิชา เพราะฉะนั้นหลักสูตรแบบผสมผสานคือหลักสูตรเนื้อหาวิชาอีกรูปแบบหนึ่ง โดยการรวมเอาวิชาย่อย ๆ ที่มีลักษณะใกล้เคียงกันมาผสมผสานกันในด้านเนื้อหาเข้าเป็นหมวดหมู่

 

4. หลักสูตรแบบหมวดวิชาแบบกว้าง (Broad Fields Curriculum)

หลักสูตรหมวดวิชาแบบกว้างหรือหลักสูตรรวมวิชา เป็นหลักสูตรที่พยายามจะแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดจากหลักสูตรเนื้อหาวิชา ซึ่งขาดการผสมผสานของความรู้ให้เป็นหลักสูตรที่มีการประสานสัมพันธ์ของเนื้อหาความรู้ที่กว้างยิ่งขึ้น

 

5. หลักสูตรเพื่อชีวิตและสังคม (Social Process and Life Function Curriculum)

หลักสูตรเพื่อชีวิตและสังคม เป็นหลักสูตรที่มุ่งแก้ไขข้อบกพร่องของหลักสูตรที่ผ่านมาด้วยการรวบรวมความรู้ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยยึดกิจกรรมต่าง ๆ ของคนไทยเป็นหลัก เป็นหลักสูตรที่ถูกคาดว่ามีคุณค่ามากที่สุดสำหรับผู้เรียน การจัดหลักสูตรแบบนี้ได้ยึดเอาสังคมและชีวิตจริงของเด็กเป็นหลัก เพื่อผู้เรียนจะได้นำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ เพราะมีการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อหาวิชาในหลักสูตรกับชีวิตจริงของผู้เรียนหรือภาวะทางสังคมที่ผู้เรียนกำลังประสบอยู่ หลักการจัดหลักสูตรประเภทนี้ ได้รับอิทธิพลมาจากความคิดของจอห์น ดิวอี้ กับปรัชญาการศึกษาสาขาพิพัฒนาการนิยม และปรัชญาการศึกษาสาขาปฏิรูปนิยม

 

6. หลักสูตรกิจกรรมหรือประสบการณ์(Activity or Experience Curriculum)

หลักสูตรกิจกรรมหรือประสบการณ์เป็นหลักสูตรที่เกิดขึ้นจากความพยายามที่จะแก้ไขการเรียนรู้แบบครูเป็นผู้สอนเพียงอย่างเดียว ไม่คำนึงถึงความต้องการและความสนใจของผู้เรียนซึ่งเป็นข้อบกพร่องของหลักสูตรแบบเนื้อหาวิชา หลักสูตรแบบนี้ยึดประสบการณ์ และกิจกรรมเป็นหลักมุ่งส่งเสริมการเรียนการสอนโดยวิธีการแก้ปัญหา ผู้เรียนได้แสดงออกด้วยการลงมือกระทำ ลงมือวางแผน เพื่อหาประสบการณ์อันเกิดจากการแก้ปัญหานั้น ๆ ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นการเรียนแบบการเรียนรู้ด้วยการกระทำ (Learning by Doing)

 

7. หลักสูตรแบบแกน (Core Curriculum)

หลักสูตรแบบแกนเป็นหลักสูตรที่ประสานสัมพันธ์เนื้อหาวิชาต่าง ๆ เข้าด้วยกันมุ่งที่จะสนองความต้องการและความสนใจของผู้เรียนและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้เรียน ส่งเสริมการเรียนรู้แบบ Active Learning สิ่งที่เรียนจะมีความสัมพันธ์กับประสบการณ์และชีวิตของผู้เรียน เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงชีวิตความเป็นอยู่มาสัมพันธ์กับการเรียนรู้ได้ เป็นหลักสูตรที่ยึดปรัชญาปฏิรูปนิยม สิ่งเหล่านี้มีอยู่แล้วในรูปแบบหลักสูตรที่ผ่านมา จึงดูเหมือนว่าหลักสูตรแบบแกนจะเป็นหลักสูตรที่รวมเอาลักษณะเด่นของหลักสูตรอื่น ๆ เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งนักการศึกษาเชื่อว่าเป็นแบบที่ดีเหมาะสมที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับหลักสูตรต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้ว

 

8. หลักสูตรบูรณาการ (Integrated Curriculum)

หลักสูตรบูรณาการเป็นหลักสูตรที่รวมประสบการณ์การเรียนรู้ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ประสบการณ์ดังกล่าวเป็นประสบการณ์ที่คัดเลือกมาจากหลายสาขาวิชา แล้วจัดเป็นกลุ่มหรือหมวดหมู่ของประสบการณ์ เป็นการบูรณาการเนื้อหาเข้าด้วยกัน เพื่อช่วยให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์สัมพันธ์และต่อเนื่องอันมีคุณค่าต่อการดำรงชีวิต

 

อ้างอิง

https://sites.google.com/site/wachirapornampai/rup-baeb-khxng-hlaksutr

https://sites.google.com/site/curriculumdevelopementgroup1/srup-khwam-ru/2-kar-xxkbaeb-hlaksutr

 

 คำถามทบทวน

ปรนัย

1.ราล์ฟ ดับเบิลยู ไทเลอร์  ให้หลักการและเหตุผลในการสร้างหลักสูตรไว้กี่ประการ

ก. 4 ประการ      ข.5ประการ

ค. 6 ประการ      ค. 7 ประการ

จ. 8 ประการ

ตอบ ก.4 ประการ

2. ขั้นตอนที่1 กระบวนการพัฒนาหลักสูตรของทาบาคืออะไร

ก. การกำหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร     ข. การเลือกเนื้อหาสาระ

ค. วิเคราะห์สภาพปัญหา                           ง. การประเมินผล

จ. การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่ได้เลือกแล้ว

ตอบ ค.วิเคราะห์สภาพปัญหา

3.ขั้นตอนที่ 3 กระบวนการพัฒนาหลักสูตรของทาบาคืออะไร

ก. การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่ได้เลือกแล้ว      ข. การเลือกเนื้อหาสาระ

ค. วิเคราะห์สภาพปัญหา             ง.การกำหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร

จ. การจัดรวบรวมเนื้อหาสาระ

ตอบ  ข. การเลือกเนื้อหาสาระ

4. ขั้นตอนที่ 7 กระบวนการพัฒนาหลักสูตรของทาบาคืออะไร

ก. การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่ได้เลือกแล้ว      ข. การออกแบบหลักสูตร

ค. วิเคราะห์สภาพปัญหา             ง.การประเมินผล

จ. การกำหนดเป้าหมาย

ตอบ  ง.การประเมินผล

5. ขั้นตอนการเขียนแผนการสอน โดยดำเนินการกี่ขั้นตอน

ก. 4 ขั้นตอน              ข. 7 ขั้นตอน

ค. 10 ขั้นตอน            ง.5 ขั้นตอน

จ. 8 ขั้นตอน

ตอบ จ. 8 ขั้นตอน

6. สงัด อุทรานันท์ มีความเห็นกับการพัฒนาหลักสูตรว่าอย่างไร

ก. การพัฒนาหลักสูตรมีความครอบคลุมถึงการร่างหลักสูตรขึ้นมาใหม่ และการปรับปรุงหลักสูตรที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้นด้วย

ข. การพัฒนาหลักสูตรจะไม่ดำเนินไปในลักษณะเส้นตรง

ค. การตัดสินใจโดยใช้เป้าหมาย วัตถุประสงค์และขอบเขต

ง. การตัดสินใจเกี่ยวกับการนำวิธีสอนต่างๆ

จ. ผู้สอนจะต้องเลือกใช้วิธีประเมินผลแบบต่างๆ

ตอบ ก. การพัฒนาหลักสูตรมีความครอบคลุมถึงการร่างหลักสูตรขึ้นมาใหม่ และการปรับปรุงหลักสูตรที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้นด้วย

 7. รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของ โอลิวา มีกี่รูปแบบ

ก. 10 รูปแบบ              ข. 11 รูปแบบ

ค. 12 รูปแบบ            ง.13 รูปแบบ

จ. 14 รูปแบบ

ตอบ จ. 12 รูปแบบ

8. รวบรวมและนำหลักสูตรไปใช้ คือ

ก.การกำหนดจุดมุ่งหมาย

 ข. การปรับปรุงแก้ไขหลักสูตร

ค. เป็นกระบวนการอันหนึ่งของการพัฒนาหลักสูตร   

ง.เป็นขั้นของการกำหนดโครงสร้างหลักสูตร

จ. เป็นขั้นที่ผู้เรียนเลือกยุทธวิธีที่เหมาะสม

ตอบ ง.เป็นขั้นของการกำหนดโครงสร้างหลักสูตร

9. การออกแบบหลักสูตร คือ

ก. เพื่อบอกความก้าวหน้าของผู้เรียน

ข. เป็นการตัดสินใจโดยใช้เป้าหมาย

ค. ผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน

ง. เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน

จ. นำเสนอรูปแบบการพัฒนาหลักสูตร

ตอบ ข. เป็นการตัดสินใจโดยใช้เป้าหมาย

10.ทาบาใช้วิธีอุปนัย ทาบาเสนอไว้ว่า

ก. นำเสนอรูปแบบการพัฒนาหลักสูตร

ข. เป็นการตัดสินใจโดยใช้เป้าหมาย

ค. ผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน

ง. หลักสูตรควรมาจากครูผู้สอนมากกว่าผู้บริหารระดับสูง

จ. นำเสนอรูปแบบการพัฒนาหลักสูตร

ตอบ ง. หลักสูตรควรมาจากครูผู้สอนมากกว่าผู้บริหารระดับสูง

 

อัตนัย

1.กระบวนการพัฒนาหลักสูตรของทาบามีทั้งหมด 7 ขั้นตอนอะไรบ้าง

ตอบ ขั้นที่ 1 วิเคราะห์สภาพปัญหา      ขั้นที่ 2 การกำหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร

ขั้นที่ 3 การเลือกเนื้อหาสาระ                ขั้นที่ 4 การจัดรวบรวมเนื้อหาสาระ

ขั้นที่ 5 การเลือกประสบการณ์การเรียนรู้        ขั้นที่ 6 การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่ได้เลือกแล้ว

ขั้นที่ 7 การประเมินผล

2. หลักสูตรแบบเน้นเนื้อหา คือ

ตอบ เป็นรูปแบบที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งใช้ในการสอนศาสนา ละติน กรีก อาจเรียกชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า เป็นหลักสูตรที่เน้นเนื้อหาเป็นศูนย์กลาง (Subject-Centered-Curriculum) ซึ่งสอดคล้องกับวิธีการสอนของครูที่ใช้วิธีการ บรรยาย ปรัชญาการจัดการศึกษาแนวนี้จะยึดปรัชญาสารัตถนิยม(Essentialism)และสัจวิทยา(Perennialism)

3. หลักสูตรแบบผสมผสาน คือ

ตอบ หลักสูตรแบบผสมผสานเป็นหลักสูตรที่พยายามปรับปรุงข้อบกพร่องของหลักสูตรเนื้อหาวิชา เพราะฉะนั้นหลักสูตรแบบผสมผสานคือหลักสูตรเนื้อหาวิชาอีกรูปแบบหนึ่ง โดยการรวมเอาวิชาย่อย ๆ ที่มีลักษณะใกล้เคียงกันมาผสมผสานกันในด้านเนื้อหาเข้าเป็นหมวดหมู่

4.หลักสูตรบูรณาการ คือ

ตอบ หลักสูตรบูรณาการเป็นหลักสูตรที่รวมประสบการณ์การเรียนรู้ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ประสบการณ์ดังกล่าวเป็นประสบการณ์ที่คัดเลือกมาจากหลายสาขาวิชา แล้วจัดเป็นกลุ่มหรือหมวดหมู่ของประสบการณ์ เป็นการบูรณาการเนื้อหาเข้าด้วยกัน เพื่อช่วยให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์สัมพันธ์และต่อเนื่องอันมีคุณค่าต่อการดำรงชีวิต

5.คำถามที่เป็นพื้นฐาน 4 ประการของไทเลอร์มะอะไรบ้าง

ตอบ 1. What is the purpose of the education? (มีจุดมุ่งหมายทางการศึกษาอะไรบ้างที่โรงเรียนควรจะ แสวงหา)

2.  What educational experiences will attain the purposes? (มีประสบการณ์ทางการศึกษาอะไรบ้างที่โรงเรียนควรจัดขึ้นเพื่อช่วยให้บรรลุถึงจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้)

3.  How can these experiences be effectively organized? (จะจัดประสบการณ์ทางการศึกษาอย่างไร จึงจะทำให้การสอนมีประสิทธิภาพ)

4.  How can we determine when the purposes are met? (จะประเมินผลประสิทธิภาพของประสบการณ์ในการเรียนอย่างไร จึงจะตัดสินได้ว่าบรรลุถึงจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้)

 

 

 

ปรัชญา แนวคิด หลักการ และทฤษฎีด้านการพัฒนาหลักสูตร👩🏻‍🎓

 

🟢ปรัชญา แนวคิด หลักการ และทฤษฎีด้านการพัฒนาหลักสูตร🟢

 

 แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาหลักสูตร

 1.1 ความหมายและความสำคัญของหลักสูตร หลักสูตรหมายถึง จากอดีตถึงปัจจุบันมีความหมายแตกต่างกันตามยุคสมัย ซึ่งในปัจจุบันอาจจะสรุปได้ว่า หลักสูตรเป็นผลหรือมวลประสบการณ์ ที่ประกอบด้วยผลลัพธ์ที่คาดหวังหรือมาตรฐานการเรียนรู้ เนื้อหาสาระ ประสบการณ์การเรียนรู้ วิธีการสอนและการวัดประเมินผลเพื่อนำไปสู่เป้าหมายโดยนักพัฒนาหลักสูตรต้องทำหน้าที่กำหนดเป้าหมาย วางแผนการจัดประสบการณ์เรียนรู้ เนื้อหาสาระและประเมินผลการเรียนรู้

ความสําคัญของหลักสูตร วิชัย วงษ์ใหญ่ ได้ให้ข้อคิดเห็นว่าหลักสูตรมีความสำคัญและจำเป็นสำหรับการจัดการศึกษา โดยหลักสูตร จะเป็นเครื่องมือที่ทำให้ ความมุ่งหมายของการศึกษาของประเทศในแต่ละระดับมีประสิทธิภาพดังนั้นอาจจะสรุปความสำคัญของหลักสูตรได้ดังนี้


ปรัชญาการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตร

     1. ปรัชญาสารัตถนิยม มุ่งหมายถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมและค่านิยมเพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ได้รับการทบทวนตรวจสอบและพิจารณาอย่างรอบคอบว่าเป็นสิ่งที่ดีและสมควรที่จะจดจำและรักษาไว้เพื่อสืบทอดให้คนรุ่นหลัง ดังนั้นปรัชญาสาขานี้ จึงเน้นเนื้อหาสาระ ที่เกี่ยวกับความรู้พื้นฐานหรือความรู้ทั่วไปซึ่งเป็นทักษะเชิงปัญญาหรือศิลปศาสตร์ได้แก่ภาษา ประวัติศาสตร์ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และวิชาอื่นที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรม

       2. ปรัชญาพิพัฒนนิยม มีพื้นฐานแนวคิดมาจากปรัชญาประสบการณ์นิยม และปรัชญา ปฏิบัตินิยม ที่เชื่อว่ามนุษย์เป็นนักคิดที่สามารถแก้ไขปัญหาสังคมได้จริง เน้นที่การกระทำมากกว่าความรู้อย่างเดียว แนวคิดของปรัชญาการศึกษากลุ่มนี้สะท้อนให้เห็นว่าบทบาทของผู้บริหารคือส่งเสริมสนับสนุนครูสามารถทำหน้าที่การสอนได้ถูกต้อง

       3. ปรัชญาอัตนิยม ให้คุณค่าของความเป็นปัจเจกบุคคล ดูชื่อว่าการศึกษาคือ การให้เสรีภาพแก่ผู้เรียนในการเลือกตัดสินใจตามความต้องการของผู้เรียน การจัดการศึกษาในแนวนี้จึงให้ความสำคัญแก่ผู้เรียนเป็นรายบุคคล

       4. ปรัชญาบูรณนิยม ปรัชญานี้ด้านขยายแนวคิดของปรัชญาพิพัฒนนิยม ปรัชญาการศึกษาในแนวนี้ถือว่าสังคมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสังคมในปัจจุบันนี้รวมถึงอนาคตมีปัญหามากทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง ศิลปะวัฒนธรรม สภาพแวดล้อม และเทคโนโลยี ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลก นักปรัชญาการศึกษาแนวคิดที่เชื่อในหลักการ 3 ประการ ได้แก่ ความเป็นประชาคมโลก ความเป็นพี่น้อง และความเป็นประชาธิปไตยจะเห็นได้ว่าปรัชญาการศึกษาดังกล่าวมีความสัมพันธ์กับการจัดการศึกษาอย่างมาก โดยเนื้อหาสาระของปรัชญาได้ช่วยให้ความกระจ่างชัดหลักสูตรและการเรียนการสอน

 

 ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตร

ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะการเรียนรู้ ที่นักพัฒนาหลักสูตรส่วนใหญ่นำมาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน โดยจะนำเสนอ  3 ทฤษฎีที่สำคัญคือ  1.ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยม 2. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยม 3. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษย์นิยม

   1. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยม  ได้กล่าวว่ามนุษย์ได้เรียนรู้ผ่านเงื่อนไขซึ่งหมายถึงถ้ามนุษย์ตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ถูกต้อง และได้รับการเสริมแรง ก็จะทำให้เกิดการเรียนรู้

  2. ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยม ทฤษฎีการเรียนรู้นี้ เป็นอีกแนวหนึ่ง  อธิบายว่า นักเรียนเรียนรู้ได้อย่างไร โดยมีความเชื่อว่าการเรียนรู้ของบุคคลมีสาเหตุมาจากปัจจัยที่สำคัญได้แก่ เจตคติ ค่านิยม ประสบการณ์ดั้งเดิม และความสนใจของบุคคลนั้น

  3. ทฤษฎีกลุ่มนิยม หรือกลุ่มแรงจูงใจ ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มนี้ ให้ความสำคัญกับความเป็นมนุษย์ โดยมองว่ามนุษย์เกิดมาพร้อมกับความดีงามมีอิสระ สามารถนำตนเองและพึ่งตนเองได้ ลักษณะของการจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดนี้ จะเน้นที่เด็กเป็นศูนย์กลาง  และเน้นการสร้างคุณค่าในตนเองให้เกิดกับผู้เรียน

 

ความสัมพันธ์ระหว่างหลักสูตรและการสอน

     สิ่งที่ต้องดำเนินการก่อนการออกแบบการเรียนการสอน คือการวิเคราะห์หลักสูตร เพราะ หลักสูตรเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญซึ่งจะบอกให้เราทราบว่า ผู้เรียนควรรู้อะไรและทำอะไรได้ หรือ บอก ผลการเรียนรู้ที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ต้องยึดถือในการออกแบบการเรียน    การสอน  สำหรับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ซึ่งโรงเรียนยึดถือเป็น กรอบแนวทางในการจัดการเรียนการสอนให้กับนักเรียนในปัจจุบันนั้น ได้กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัดในกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ ไว้ 8 กลุ่มสาระ การวิเคราะห์ตัวชี้วัดเหล่านี้จะทำให้ทราบว่า ผู้เรียนควรจะมีความรู้อะไรและสามารถปฏิบัติสิ่งใดได้ ซึ่งนำมาใช้ในการกำหนดผลการเรียนรู้และ เนื้อหาการเรียนรู้  ซึ่งนำมาจัดทำเป็นหน่วยการเรียนรู้ ที่ประกอบด้วยโครงสร้างของเนื้อหา และเวลาที่ กำหนดไว้สำหรับการจัดการเรียนการสอน จากหน่วยการเรียนรู้พัฒนาต่อไปเป็นบทเรียนและแผนการเรียน การสอนประจำบทเรียน ที่มีจุดประสงค์การเรียนรู้แตกรายละเอียดย่อยออกมาจากผลการเรียนรู้เป็น เป้าหมายในการจัดการเรียนการสอน จะเห็นว่าการพัฒนาหลักสูตรเป็นกิจกรรมที่มีความสัมพันธ์กับ การออกแบบการเรียนการสอนการออกแบบการเรียนการสอนมีขอบเขตของการดำเนินการแตกต่างกัน ตั้งแต่การออกแบบ การเรียนการสอนเป็นรายแผน ไปจนถึงการออกแบบการเรียนการสอนทั้งหน่วยการเรียนรู้ และทั้งรายวิชา ขอบเขตในการดำเนินงานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนนี้ ทำให้มีความซับซ้อน และยุ่งยากในการดำเนินงาน แตกต่างกันเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามรูปแบบในการออกแบบการเรียนการสอนทั่วไปยังคงนำมา ประยุกต์ใช้ได้กับการดำเนินงาน สิ่งสำคัญที่ต้องยึดเป็นหลักในการดำเนินการออกแบบการเรียนการสอนคือการยึดผลการเรียนรู้/จุดประสงค์การเรียนรู้ เป็นเป้าหมายในการดำเนินงาน

 

ประเภทของหลักสูตร

การแบ่งประเภทของหลักสูตรมีความหลากหลายความคิด ขึ้นอยู่กับการรับรู้ความคิดเห็นของนักพัฒนาหลักสูตรจะใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง จากการศึกษาสรุปได้ว่ามี  3  แนวคิดสำหรับที่สามารถนำมาใช้เป็นเกณฑ์ในการแบ่งประเภทของหลักสูตรดังนี้

1.การใช้จุดเน้นของหลักสูตร       2.การใช้ระดับการบริหารจัดการหลักสูตร

3.การเป็นเอกสารที่ใช้เป็นทางการและไม่เป็นทางการ

 การใช้จุดเน้นของหลักสูตร ได้มีการสังเคราะห์แนวคิดของนักพัฒนาหลักสูตรที่มีชื่อเสียงพอสรุปได้  7 ประเภท ดังนี้หลักสูตรที่เน้นวิชาเป็นศูนย์กลาง

หลักสูตรแบบสาขาวิชา

หลักสูตรที่เน้นแก่นเรื่องหรือบูรณาการ

หลักสูตรที่เน้นหมวดวิชา

หลักสูตรที่เน้นปัญหาเป็นศูนย์กลาง

หลักสูตรที่เน้นเทคโนโลยีเป็นศูนย์กลาง

  

การพัฒนาหลักสูตร

1.ตัวแบบเน้นจุดประสงค์

แบบจำลองของไทเลอร์ ถือเป็นต้นแบบของการพัฒนาหลักสูตร ไทเลอร์ให้คำแนะนำว่า ในการกำหนดวัตถุประสงค์ทั่วไปของหลักสูตรทำได้ด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ประกอบด้วย ข้อมูลผู้เรียน ข้อมูลสังคมที่โรงเรียนตั้งอยู่ และข้อมูลเนื้อหาสาระวิชา นำข้อมูลจากสามแหล่งนี้มาวิเคราะห์เชื่อมโยงเพื่อช่วยให้มั่นใจในข้อมูลที่เก็บรวบรวมมา การเชื่อมโยงข้อมูลเป็นการสังเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำข้อมูลไปกำหนดจุดประสงค์ของหลักสูตร (ฉบับร่าง) ต่อจากนั้นจึงกลั่นกรองด้วยปรัชญาการศึกษาของสถานศึกษาและจิตวิทยาการเรียนรู้

2. ตัวแบบเน้นกลวิธีการสอน

ทาบามีความเห็นว่าหลักสูตรต้องถูกออกแบบโดยครูผู้สอนไม่ใช่คนอื่น โดยส่งเสริมการสร้างสรรค์การสอนและการเรียนรู้มากกว่าการออกแบบหลักสูตร

 แบบจำลองการพัฒนาหลักสูตรของทาบา (Taba 1962: 10) มีทั้งหมด 7 ขั้น ดังนี้

ขั้นที่ 1 การวิเคราะห์ความต้องการจำเป็น

ขั้นที่ 2 การกำหนดวัตถุประสงค์

ขั้นที่ 3 การเลือกเนื้อหาสาระ

ขั้นที่ 4 การจัดการเกี่ยวกับเนื้อหาสาระ

ขั้นที่ 5 การเลือกประสบการณ์เรียนรู้

ขั้นที่ 6 การจัดการเกี่ยวกับประสบการณ์เรียนรู้

ขั้นที่ 7 การตัดสินใจว่าจะประเมินอะไรและวิธีการประเมิน

 

การดำเนินการพัฒนาหลักสูตร

เป็นไปตามลำดับขั้น โดยอาศัยข้อมูลจากแหล่งกำเนิดที่จะเป็นพื้นฐานในการตัดใจ 3 แหล่งด้วยกัน คือ

 1. ศึกษาจากสังคม

 2. ศึกษาจากผู้เรียน

 3. ข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญในเนื้อหาวิชา

ขั้นตอนในการพัฒนาหลักสูตร มีดังนี้

 ขั้นที่  1 การสำรวจความต้องการ (diagnosis of needs) ครูหรือผู้ร่างหลักสูตรเริ่มกระบวนการ ด้วยการสำรวจความต้องการของนักเรียนที่หลักสูตรได้วางแผนไว้

 ขั้นที่ 2 การกำหนดจุดมุ่งหมาย (formulation of objectives) หลังจากที่ครูได้ระบุความต้องการของนักเรียนแล้ว ครูกำหนดจุดมุ่งหมายที่จะให้บรรลุผล

ขั้นที่ 3 การเลือกเนื้อหา (Selection of contents) จุดมุ่งหมายที่เลือกไว้หรือที่สร้างขึ้นเป็นตัวชี้แนะแนวทางในการเลือกรายวิชาหรือเนื้อหาของหลักสูตร ซึ่งควรเลือกเนื้อหาที่มีความเที่ยงตรงและสำคัญด้วย

 ขั้นที่ 4 การจัดเนื้อหา (Organization of contents) เมื่อครูเลือกเนื้อหาได้แล้ว ต้องจัดเนื้อหาโดยเรียงลำดับขั้นตอนให้ถูกต้อง คำนึงถึงวุฒิภาวะของนักเรียน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสนใจของผู้เรียนด้วย

 ขั้นที่ 5 การเลือกประสบการณ์การเรียน (Selection of learning experiences) เมื่อได้เนื้อหาแล้วครูคัดเลือกวิธีการสอนที่เหมาะสมกับเนื้อหาและผู้เรียน

ขั้นที่ 6 การจัดประสบการณ์เรียน (organization of learning experiences) กิจกรรมการเรียนการสอนควรได้รับการจัดเรียงลำดับขั้นตอนเช่นเดียวกับเนื้อหา แต่ครูต้องจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้เหมาะกับผู้เรียนด้วย

 ขั้นที่ 7 การประเมินผลและวิธีการประเมินผล (evaluation and means of evaluation) ผู้ที่วางแผนหลักสูตรต้องประเมินว่าจุดมุ่งหมายใดบรรลุผลสำเร็จและทั้งครูและนักเรียนควรร่วมกันกำหนดวิธีการประเมินผล

 

สภาพปัจจุบันและแนวโน้มของการพัฒนาหลักสูตรขั้นพื้นฐาน

หลักสูตรต้องวางแผนเพื่อการบรรลุทักษะในศตวรรษที่ 21

 ในปี 1983 สมาคมการพัฒนาหลักสูตรและการนิเทศ (Association for Supervision and curriculum development : ASCD)ได้เผยแพร่บทความวิจัย ของ Benjamin I. Troutman and Robert D.Palombo เรื่อง Identifying Futures Trends in Curriculum Planning โดยศึกษาจากกลุ่มตัวอย่าง 36 คนจากโรงเรียน Virginia Beach Public Schools ข้อมูลที่ได้สรุปได้ว่า ในอนาคตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะเป็นตัวชี้การเปลี่ยนแปลงหลักสูตร อันเป็นผลจาก การขยายความรู้ที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว และความรู้มีความเป็นศาสตร์เฉพาะการเพิ่มขึ้น ซึ่งมีการศึกษาผลต่อหลักสูตรใน 3 ประเด็น คือ

1. ความเป็นความรู้ที่ร่วมกันของวิทยาการที่เจริญก้าวหน้า

2 .ความสมดุลระหว่างความยากลำบากในการได้มาของข้อเท็จจริงกับการพัฒนาทักษะกระบวนการ

3. เอกสารความรู้ที่ใช้เป็นแหล่งความรู้ในหลักสูตร จากขอบข่ายดังกล่าวนี้กลุ่มตัวอย่างจากโรงเรียน Virginia Beach Public Schools ให้ความเห็นว่าแนวโน้มในอนาคตที่มีผลต่อการวางแผนหลักสูตรมี 15 ประเด็นคือ

    1.ทักษะพื้นฐานทางวิชาการ (Basic Academic Skills) จะต้องให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นกับทักษะการสื่อสาร คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะหลักสูตรอาชีวศึกษา

    2. คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นๆ (Computes and Other Information Technologies) คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นๆมีรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกันแล้วอุปมาดั่งเช่นเป็นพาหนะขับเคลื่อนการศึกษาสำหรับผู้เรียนทุกคน การพัฒนาแผนสำหรับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมในระบบโรงเรียน Virginia Beach Public Schools ตั้งแต่อนุบาลถึงเกรดสิบสอง

    3. ความยืดหยุ่นของหลักสูตร (Curriculum Flexibility)ให้โอกาสอันยิ่งใหญ่ที่มั่งคั่งสมบูรณ์และรวดเร็วจากหลักสูตร สำหรับอนุบาลถึงเกรดสิบสอง

    4. การทบทวนหลักสูตร (Curriculum Revision) พัฒนาแผนปฏิบัติการที่แน่ใจว่าสามารถดำเนินการต่อไปได้ หลักสูตรได้รับการทบทวนและมีการประเมินอย่างเป็นระบบ

5. ความเป็นประชาธิปไตย (Democratic Ideals)ทำความเข้าใจและให้ความสำคัญกับกระบวนการประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม

6. โปรแกรมสำหรับเด็กเล็ก (Early Childhood Programs) ขยายโปรแกรมสำหรับเด็กเล็ก (เด็กก่อนอนุบาล)ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาประสบการณ์การเรียนรู้

7. การมองอนาคต (Futures Perspective) การรวมขอบเขตสาระเป็นหลักสูตรเดียวโดยสิ่งต่างๆเหล่านั้นเป็นประเด็นสะท้อนและอธิบายประเด็นร่วมสมัย แนวโน้มอนาคต และความสัมพันธ์ระหว่างปัจจุบันกับเหตุการณ์ที่ผ่านไปและทางเลือกในอนาคต

8. สัมพันธภาพระดับสากล (Global Interrelationships)ให้ความสำคัญกับมุมมองของความสัมพันธ์ระหว่างเศรษฐกิจ และวัฒนธรรม-ชาติพันธุ์ของมนุษย์ที่หลักสูตรต้องมีความหลากหลาย

9. การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) ขยายโอกาสสำหรับสมาชิกของชุมชนในเขตพื้นที่บริการของโรงเรียนที่สนใจเรียนรู้ในรูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิต

10. สื่อมวลชน (Mass Media) ให้ความสำคัญกับทักษะในการวิเคราะห์วิจารณ์ การฟัง และ การดูที่เกี่ยวข้องกับการแปลความหมายจากสื่อ

11. การเติมเต็มบุคลิกภาพ (Personal Fulfillment) โรงเรียนเป็นสถานที่อันยิ่งใหญ่ที่จะสร้างความคิดต่อตนเองเชิงบวก และพัฒนาสัมพันธภาพระหว่างบุคคล

 12. การประยุกต์กระบวนการ (Process Approach)หลักสูตรมุ่งที่การแก้ปัญหา การตัดสินใจ ความคิดสร้างสรรค์ และทักษะการคิดขั้นสูง ทักษะการนำไปใช้ การวิเคราะห์ สังเคราะห์และประเมินค่า

13. การพัฒนาทีมงาน (Staff Development ) เพิ่มโอกาสให้พัฒนาทีมงาน โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยี

14. ใช้ชุมชน (Use of Community) เพิ่มบทบาทของผู้ปกครองและแหล่งเรียนรู้ในชุมชนในการจัดโปรแกรมการศึกษาเชื่อมโยงการเรียนรู้ในชั้นเรียนกับประสบการณ์ในชุมชน

15. การอาชีวะและอาชีพศึกษา (Vocational and Career Education) แน่ใจว่าการศึกษาอาชีวและอาชีพสะท้อนการเปลี่ยนแปลงมโนทัศน์ในการทำงานและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เรียน

 

แนวโน้มของการพัฒนาหลักสูตร

ในที่นี้ขอเสนอแนวโน้ม ของกระบวนการการเรียนรู้ในยุคศตวรรษที่ 21

ปัจจัยสนับสนุนการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21องค์ประกอบที่สำคัญและจำเป็นเพื่อในการเรียนรู้ของนักเรียนทักษะในศตวรรษที่ 21 คือ มาตรฐานศตวรรษที่ 21 การประเมินผลหลักสูตรการเรียนการสอนการพัฒนาอาชีพและสภาพแวดล้อมการเรียนรู้จะต้องสอดคล้องกับระบบสนับสนุนการผลิตที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ในศตวรรษที่ 21 สำหรับนักเรียนในปัจจุบัน

มาตรฐานศตวรรษที่ 21

-  มุ่งเน้นทักษะในศตวรรษที่ 21 นักเรียนมีความรู้ในเนื้อหาและความเชี่ยวชาญ

-  สร้างความเข้าใจระหว่างวิชาหลัก เช่นเดียวกับรูปแบบสหวิทยาการศตวรรษที่ 21

-  เน้นความเข้าใจอย่างลึกซึ้งมากกว่าความรู้แบบผิวเผิน

-  การของมีส่วนร่วมของนักเรียนกับ ข้อมูลและ เครื่องมือในโลกแห่งความเป็นจริงและพวกเขาจะพบผู้เชียวชาญในวิทยาลัยหรือในที่ทำงานและ ชีวิตนักเรียนจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดเมื่อทำงานอย่างแข็งขัน การแก้ปัญหาที่มีความหมาย

-  การมีมาตรการหลายๆรูปแบบของการเรียนรู้

 

อ้างอิง

https://sites.google.com/a/crru.ac.th/ban-khunkhru-cen-ci-ra/bth-thi-5-thvsdi-laea-kar-phathna-hlaksutr?fbclid=IwAR1mur35VGHVKDTLlG6vrWBpPh0JlJ-pQaAbwkI9EOTmGTW5uupHik5rBW0

  คำถามทบทวน

ปรนัย

1. ไทเลอร์  กล่าวว่า  ในการพัฒนาหลักสูตรนั้นควรจะตอบคำถามพื้นฐานได้กี่ประการ

 ก.4 ประการ      ข.6 ประการ

 ค.8 ประการ      ง.10 ประการ

 จ.12 ประการ

 ตอบ ก.4 ประการ

2.แบบจำลองการพัฒนาหลักสูตรของทาบา (Taba 1962: 10) มีทั้งหมดกี่ขั้น

ก.3 ขั้น     ข.5 ขั้น

ค.7 ขั้น     ง.9 ขั้น

จ.11 ขั้น

ตอบ ค.7 ขั้น

3. SU Model คือ

ก.การนำหลักสูตรไปใช้         ข.เวลาที่ใช้สอน

 ค.ปัจจัยในการนำหลักสูตรไปใช้      ง.สื่อที่ใช้

จ.รูปแบบจำลองโลกแห่งการศึกษา

ตอบ จ.รูปแบบจำลองโลกแห่งการศึกษา

4. หลักสูตรคืออะไร ?

ก. คู่มือประกอบการศึกษาของครู       ข. เอกสารกำหนดทิศทางให้ครูสอน

 ค. ประสบการณ์ที่โรงเรียนจัดให้นักเรียน       ง. เนื้อหาวิชาที่กำหนดให้นักเรียนเรียน

 จ. ประสบการณ์ในโรงเรียน

 ตอบข้อ ค. ประสบการณ์ที่โรงเรียนจัดให้นักเรียน

5. การศึกษาในปัจจุบันมุ่งพัฒนาในด้านใด ?

ก. ชีวิตและสังคม           ข. สังคม

ค. ชีวิตและสิ่งแวดล้อม   ง. เศรษฐกิจและชุมชน

จ.ชุมชน

ตอบข้อ ก. ชีวิตและสังคม

6. ปรัชญาการศึกษานำมาใช้ประโยชน์โดยตรงในข้อใด ?

ก. กำหนดเนื้อหาสาระ                              ข. กำหนดการจัดกระบวนการสอน

ค. กำหนดวิธีการสอนและหลักการสอน      ง. กำหนดเป้าหมายและจุดมุ่งหมายของการศึกษา

จ. กำหนดการจัดกระบวนการเรียนการสอน

ตอบข้อ ง. กำหนดเป้าหมายและจุดมุ่งหมายของการศึกษา

 7.ปัจจุบันการจัดระบบการศึกษาเป็นหน้าที่ของใคร ?

 ก. รัฐ         ข. ท้องถิ่น

ค. สถานศึกษา     ง. กระทรวงศึกษาธิการ

จ. ที่ว่าการอำเภอ

ตอบข้อ ก. รัฐ

 8. บุคคลในข้อใดเป็นผู้ให้ความหมายของคำว่า หลักสูตร หมายถึง วิธีเตรียมเยาวชนให้มีส่วนร่วมในฐานะที่เป็นสมาชิกที่สามารถสร้างผลผลิตให้ แก่สังคมของเรา ?

 ก. กู๊ด          ข. ทาบา

ค. วิชัย วงษ์ใหญ่      ง. ธำรง บัวศรี

จ.สงัด อุทรานันท์

ตอบข้อ ข. ทาบา

9.หลักสูตรที่เน้นการถ่ายทอดเนื้อหาวิชาเป็นหลัก ต้องการให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เนื้อหาวิชามากๆเป็นลักษณะของหลักสูตรแบบใด ?

ก. แบบสัมพันธ์วิชา       ข.แบบหมวดวิชา

ค. แบบเนื้อหาวิชา         ง. แบบบูรณาการ

จ.แบบเนื้อหาวิชาแบบหมวดวิชา

ตอบข้อ ค. แบบเนื้อหาวิชา

10.หลักสูตรแบบใดที่ได้แนวคิดจากปรัชญาการศึกษาพิพัฒนาการ ?

ก. หลักสูตรกิจกรรม          ข. หลักสูตรแกนกลาง

ค. หลักสูตรเพื่อชีวิตและสังคม        ง. หลักสูตรสังคม

จ. ถูกทั้ง ก. และ ข.

ตอบข้อ จ . ถูกทั้ง ก. และ ข.


อัตนัย

1. หลักสูตรแบ่งได้กี่ประเภทอะไรบ้าง

ตอบ แบ่งได้ 4 ประเภทประกอบด้วย

1) ประเภทเน้นเนื้อหาวิชา   2) ประเภทเน้นผู้เรียน

3) ประเภทเน้นสังคม          4) ประเภทเน้นการบูรณาการ

2. หลักสูตรที่ยึดปรัชญาแบบนิรันตรนิยมกับสารัตนิยมคือ?

ตอบ  หลักสูตรรายวิชา

3. รูป แบบการพัฒนาของราล์ฟ ไทลอร์ ประกอบด้วยอะไรบ้าง

ตอบ 1) มีจุดมุ่งหมายทางการศึกษา   2) ประสบการณ์ทางการศึกษา

3 จะจัดให้ประสบการณ์มีประสิทธิภาพอย่างไร   4) จะประเมินผลจุดมุ่งหมายอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ

4. การประเมินผลประกอบด้วยอะไรบ้าง

ตอบ 1)การประเมินผลการเรียน     2)การประมินผลหลักสูตร

5. โบชอง ให้องค์ประกอบของหลักสูตร 4 ส่วนคือ

ตอบ 1) เป้าหมายหรือวัตถุประสงค์เฉพาะ   2) ขอบข่ายเนื้อหา

3) การวางเเผนการใช้หลักสูตร       4) การพิจารณาตัดสิน

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับหลักสูตร👨‍🎓

 

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับหลักสูตร

    
       หลักสูตรมีความสำคัญยิ่งในการจัดการศึกษาทุกระดับ เพราะเป็นโครงร่างกำหนดกรอบแนวทางการปฏิบัติที่จะนำไปสู่การจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตรวมทั้งเป็นแนวทางในการให้การศึกษา ให้วิชาความรู้ การถ่ายทอดวัฒนธรรม การปลูกฝังเจตคติและค่านิยม การสร้างความเจริญเติบโต ความสมบูรณ์ทางร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา หรืออีกนัยหนึ่งก็คือการพัฒนาผู้เรียนในทุกๆด้าน

ความหมายของหลักสูตร

      ความหมายของหลักสูตรไว้มากมาย โดยไม่สามารถทำให้ทุกคนเห็นพ้องกับความหมายใดเพียงความหมายเดียวเพราะหลักสูตรเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาแต่อาจแบ่งกลุ่มความหมายของหลักสูตรได้เป็น3 กลุ่ม คือ 1) กลุ่มความหมายที่เน้นถึงเนื้อหาสาระที่จะต้องเรียนรู้ 2) กลุ่มความหมายที่เน้นความหมายสำคัญของจุดหมายที่ต้องการให้เกิดกับผู้เรียน และ 3) กลุ่มความหมายที่เน้นกระบวนการที่จะพัฒนาผู้เรียน


องค์ประกอบของหลักสูตร

1. ความมุ่งหมาย (objectives) คือ เป็นเสมือนการกำหนดทิศทางของการจัดการศึกษา การจัดการเรียนการสอนเพื่อมุ่งให้ผู้เรียนได้พัฒนาไปในลักษณะต่างๆที่พึงประสงค์อันก่อให้เกิดประโยชน์ในสังคมนั้นกากำหนดความมุ่งหมายของหลักสูตรต้องคำนึงถึงข้อมูลพื้นฐานของสังคมเพื่อประโยชน์ในการแก้ปัญหาและสนองความต้องการของสังคมและผู้เรียน 

2.เนื้อหาวิชา (Content) เป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้ในหลักสูตรให้ชัดเจนโดยมุ่งให้ผู้เรียนได้มีประสบการณ์การเรียนรู้เพื่อพัฒนาไปสู่ความมุ่งหมายของหลักสูตร เนื้อหาสาระที่ได้กำหนดไว้ต้องสมบูรณ์ ต้องผนวกความรู้ ประสบการณ์ ค่านิยม แนวคิด และทัศนคติเข้าด้วยกันเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาทั้งในด้านความรู้ ความทัศนคติ และพฤติกรรมต่าง ๆ อันพึงประสงค์

3.การนำหลักสูตรไปใช้ (Curriculum implementation) เป็นองค์ประกอบที่สำคัญยิ่งเพราะเป็นกิจกรรมที่จะแปลงหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติกิจกรรมนั้นมีหลายลักษณะแต่กิจกรรมที่สำคัญที่สุดคือกิจกรรมการเรียนการสอน หรือ อาจกล่าวได้ว่า การสอนเป็นหัวใจของการนำหลักสูตรไปใช้ ดังนั้น ครูผู้สอนจึงเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในฐานะเป็นผู้จัดการเรียนรู้ การกำหนดวิธีการที่จะนำผู้เรียนไปสู่ความมุ่งหมายของหลักสูตร ประกอบด้วย

   3.1 วิธีการจัดการเรียนรู้ การกำหนดวิธีการจัดการเรียนรู้หลักสูตรจะเน้นแบบยึดครูเป็นสำคัญหรือยึดผู้เรียนเป็นสำคัญนั้นย่อมขึ้นอยู่กับปรัชญาการศึกษาหรือแนวความคิดความเชื่อในการจัดการศึกษาที่พึ่งประสงค์และขึ้นอยู่กับจุดหมายของหลักสูตรนั้นเป็นสำคัญสำหรับวิธีการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรในปัจจุบันเน้นแบบยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ

    3.2 วัสดุประกอบหลักสูตร หมายถึง วัสดุ เอกสาร รวมทั้งสื่อการเรียนการสอนต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ครูใช้หลักสูตรได้โดยง่าย สะดวก และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

            3.2.1 วัสดุประกอบหลักสูตรสำหรับครู เช่น แผนการจัดการเรียนรู้ คู่มือครู คู่มือการใช้หลักสูตร คู่มือการประเมินผล คู่มือการแนะแนว คู่มือการจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตร เป็นต้น

            3.2.2 วัสดุประกอบหลักสูตรสำหรับนักเรียน เช่น หนังสือเรียน หนังสือแบบฝึกหัด บัตรงาน หนังสืออ่านเพิ่มเติม แบบคัดลายมือ เป็นต้น

3.4 การประเมินผล (evaluation) เป็นองค์ประกอบที่ชี้ให้เห็นว่าการนำหลักสูตร แปลงไปสู่การปฏิบัตินั้น บรรลุจุดมุ่งหมายหรือไม่ หลักสูตรเกิดสัมฤทธิผลมากน้อยเพียงใด ข้อมูลจาการประเมินผลนี้จะเป็นแนวทางไปสู่การปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรต่อไป


ระดับของหลักสูตร

แบ่งออกเป็น4 ระดับ คือ หลักสูตรระดับชาติ หลักสูตรระดับท้องถิ่นหลักสูตรระดับสถานศกึษา และหลักสูตรระดับชั้นเรียน

ลักษณะของหลักสูตรที่ดี

      หลักสูตรที่ดีย่อมส่งผลดีต่อการบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ในโรงเรียน กล่าวคือ หลักสูตรที่ดีจะเป็นแนวทางให้ผู้บริหารโรงเรียนนำไปปฏิบัติได้ดี มีประสิทธิภาพทางด้านครูสามารถนำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนให้เกิดผลดีต่อผู้เรียน หลักสูตรที่ดีควรมีลักษณะดังนี้ คือ

1.หลักสูตรควรมีความคล้องตัวและสามารถปรับปรุงและยืดหยุ่นให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ต่างๆที่เปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างดี

2.หลักสูตรควรเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้การเรียนการสอนได้บรรลุตามความมุ่งหมายที่กำหนดไว้

3.หลักสูตรควรได้รับการจัดทำหรือพัฒนาจากคณะบุคคลหลายฝ่าย

4.หลักสูตรจะต้องจัดได้ตรงตามความมุ่งหมายของการศึกษาแห่งชาติ

5.หลักสูตรควรจะมีกิจกรรมกระบวนการและเนื้อหาสาระของเรื่องที่สอนบริบูรณ์เพียงพอที่จะช่วยให้ผู้เรียนคิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น และพัฒนาการเรียนผู้เรียนในทุกๆด้าน

6.หลักสูตรควรบอกแนวทาง ด้านสื่อการสอน การใช้สื่อ การวัดและประเมินผลไว้อย่างชัดเจน

7.หลักสูตรควรจะมีลักษณะที่สนองความต้องการและความสนใจ ทั้งของนักเรียนและสังคม

8.หลักสูตรควรส่งเสริมความเจริญงอกงามในตัวผู้เรียนทุกด้านรวมทั้งส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์

9.หลักสูตรควรชี้แนะแนวทางกระบวนการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนได้เพิ่มพูนความรู้ทักษะและเจตคติได้ด้วยตนเอง จากสื่อต่างๆที่อยู่รอบตัว

10.หลักสูตรควรจัดทำมาจากการศึกษาข้อมูลพื้นฐานด้านต่างๆอย่างรอบคอบ

11.เป็นหลักสูตรที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ เนื้อหาและกิจกรรมต้องเหมาะสมกับธรรมชาติ

12.เนื้อหาและประสบการณ์ต้องสอดคล้องกับสภาพการดำรงชีวิตของผู้เรียน ประสบการณ์ต้องเป็นสิ่งที่ใกล้ตัว และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน



กระบวนการพัฒนาหลักสูตร

       การแสวงหารูปแบบในการพัฒนาหลักสูตรและการสอนเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น เพราะ รูปแบบของการพัฒนาหลักสูตรนั้นเปรียบเสมือนพิมพ์เขียวที่ส่งผลต่อการพัฒนาหลักสูตรได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น การนำรูปแบบการพัฒนาหลักสูตรมาใช้จะต้องปรับให้เข้ากับสภาพความเป็นจริงของชีวิตและสังคม
      จากที่ได้ศึกษาจากนักวิชาการพัฒนาหลักสูตรกล่าวมาแล้วสรุปได้ว่า การจัดทำหรือพัฒนาหลักสูตรนั้นมีสิ่งที่
ต้องปฏิบัติและพิจารณาที่สำคัญ คือ
                1.การศึกษาข้อมูลพื้นฐาน
                2.การร่างหลักสูตร
                                2.1การกำหนดจุดมุ่งหมาย
                                2.2การกำหนดเนื้อหาสาระ
                                2.3การกำหนดประสบการณ์การเรียนรู้
                                2.4การกำหนดวิธีการวัดและประเมินผล
                3.การตรวจสอบคุณภาพหลักสูตร
                4.การทดลองใช้หลักสูตร
                5.การประเมินหลักสูตร
                6.การปรับปรุงแก้ไขหลักสูตร


รูปแบบของการพฒนาหลักสูตร
     
      รูปแบบของการพัฒนาหลักสูตรส่วนมากจะพัฒนามาจากแนวคิดของนักการศึกษาชาวต่างประเทศ ซึ่งแต่ละรูปแบบ
จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันไป แต่กระบวนการและขั้นตอนควรประกอบด้วยการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานที่ซึ่ง
ประกอบด้วยปรัชญาการศึกษา ผู้เรียน สังคม สภาพแวดล้อมและเทคโนโลยีและอื่นๆ เพื่อนำมากำหนดจุดมุ่งหมายเลือก
เนื้อหาสาระและประสบการณ์การเรียนรู้จัดลงในหลักสูตร แล้วนำหลักสูตรไปทดลองใช้เพื่อหาข้อบกพร่อง
เพื่อนำมาแก้ไขหลักสูตรที่สมบูรณ์และนำไปใช้ สุดท้ายทำการประเมินผลหลักสูตรและนำผลจากการประเมิน
ไปปรับปรุงแก้ไขหลักสูตรต่อไป กระบวนการพัฒนาหลักสูตรจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องอย่างเป็นวัฏจักร
   
 ยกตัวอย่างเช่น

           กู๊ด  (Good, 1973157-158) ได้ให้ความเห็นว่า การพัฒนาหลักสูตรเกิดขึ้นได้ ลักษณะ คือ การปรับปรุง
และเปลี่ยนแปลงหลักสูตร การปรับปรุงหลักสูตรเป็นวิธีการพัฒนาหลักสูตรอย่างหนึ่ง เพื่อให้เหมาะกับโรงเรียน
และระบบโรงเรียน จุดมุ่งหมายของการสอน วัสดุอุปกรณ์ วิธีการสอนรวมทั้งประมวลผลส่วนคำว่าการเปลี่ยนแปลง
หลักสูตร หมายถึงการแก้ไขหลักสูตรให้แตกต่างไปจากเดิม เป็นการสร้างโอกาสทางการเรียนขึ้นใหม่
              เชย์เลอร์ และอเล็กซานเดอร์ (Saylor and Alexander, 19747) ให้คำจำกัดความหมายของการพัฒนาหลักสูตร
ว่า หมายถึงการจัดทำหลักสูตรเดิมที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้น หรือเป็นการจัดทำหลักสูตรใหม่โดยไม่มีหลักสูตรเดิมอยู่ก่อน 
การพัฒนาหลักสูตรอาจหมายรวมถึงการสร้างเอกสารอื่นสำหรับนักเรียนด้วย
              ทาบา (Taba, 1962 454) ได้กล่าวไว้ว่า การพัฒนาหลักสูตร หมายถึงการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงสูตรเดิม
ให้ได้ผลดียิ่งขึ้นทั้งในด้านการวางจุดม่งหมาย การจัดเนื้อหาวิชาการเรียนการสอน การวัดและการประเมินผลอื่นๆ 
เพื่อให้บรรลุถึงจุดม่งหมายอันใหม่ที่วางไว้ การเปลี่ยนแปลงหลักสูตรเป็นการเปลี่ยนแปลงทั้งระบบหรือเปลี่ยนแปลง
ทั้งหมด ตั้งจุดมุ่งหมายและวิธีการ และการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรนี้จะมีผลกระทบทางด้านความคิดและความรู้สึก
ของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ส่วนการปรับปรุงหลักสูตร หมายถึงการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรเพียงบางส่วนโดยไม่เปลี่ยนแปลง
แนวความคิดพื้นฐานหรือรูปแบบของหลักสูตร
              สงัด  อุทรานันท์ (253230) กล่าวว่าการพัฒนาหลักสูตรมีความหมายอยู่ ลักษณะ คือ1. การทำหลักสูตรที่มีอยู่
แล้วให้ดีขึ้นหรือสมบูรณ์ขึ้น และ 2. การสร้างหลักสูตรขึ้นมาใหม่โดยไม่มีหลักสูตรเดิมเป็นพื้นฐาน    
              วิชัย วงษ์ใหญ่ (2525:  10) กล่าวว่า การพัฒนาหลักสูตรคือการพยายามวางโครงการ ที่จะช่วยให้นักเรียน
ได้เรียนรู้ตรงตามจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้หรือการพัฒนาหลักสูตรและการสอนระบบโครงสร้างของการจัดโปรแกรม
การสอน การกำหนดจุดมุ่งหมาย เนื้อหาสาระ การปรับปรุงตำรา แบบเรียน คู่มือครู และสื่อการเรียนต่างๆ การวัด
และการประเมินผลการใช้หลักสูตรการปรับปรุงแก้ไขและการให้การอบรมครูผู้ใช้หลักสูตรให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์
ของการพัฒนาหลักสูตรและการสอน รวมทั้งการบริการและการบริหารหลักสูตร


อ้างอิง







คำถามทบทวน

แบบปรัยนัย
1.การพัฒนาหลักสูตร แบ่งได้เป็น4 ระดับ ยกเว้นข้อใด
ก. การพัฒนาหลักสูตรระดับเขตพื้นที่
ข. 
การพัฒนาหลักสูตรระดับโลก
ค. การพัฒนาหลักสูตรระดับห้องเรียน
ง. การพัฒนาหลักสูตรระดับชาติ
จ. ทั้งข้อ กและข

2.เน้นการเพิ่มพูนความรู้ ทักษะเฉพาะด้าน เป็นหลักการจัดการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางฯ
ในระดับใด
ก. ระดับก่อนประถมศึกษา
ข. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
ค. ระดับอุดมศึกษา
ค. ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
จ. ระดับประถมศึกษา

3.แบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา หมายถึงแบบ (ปพ.)ข้อใด
ก. ปพ.1
ข. ปพ.2
ค. ปพ.3
ง. ปพ.4
จ. ปพ6


4.เด็กชายโจวเคออวี่ มีระดับผลการเรียน B+ แสดงว่าทำคะแนนในระบบร้อยละได้อยู่ในเกณฑ์เท่าไร
ก. 60-70
ข. 70-74
ค. 74-80
ง. 75-79
จ. 75-80

5.การศึกษาภาคบังคับมีจำนวนกี่ปี
ก. จำนวน 9 ปี
ข. จำนวนไม่น้อยกว่า 9 ปี
ค. จำนวนมากกว่า11ปี
ค. จำนวนไม่น้อยกว่า 12 ปี
ง. จำนวน 12 ปี

6.ผู้จัดทำหลักสูตรท้องถิ่นคือข้อใด
ก. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ข. องค์การบริการส่วนตำบล
ค. คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ง. ก.ศ.จ.
จ. สถานศึกษา

7.ข้อใดไม่ใช่สมรรถนะตามหลักสูตรแกนกลางฯ
ก. ทักษะชีวิต
ข. การเรียนรู้ชีวิต
ค. การสื่อสาร
ง. การใช้ภาษา

จ. ไม่ใช่ทั้งข้อ ข และ ง

 8.การสอนที่ดีนั้นเกิดจากอะไร
ก. ครูสอนตามใจตัวเอง
ข. ครูมีหน้าที่สอน
ค. ครุสอนตามที่ฝึกฝนมา
ง. ครูสอนตามใจนักเรียน
จ. ครูรักที่จะสอน

9.ในการตัดสินผลการเรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษากำหนดเวลาเรียนของนักเรียนไว้เท่าไรจึงจะผ่านเกณฑ์
ก.
ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของเวลาเรียนทั้งหมด
ข. ไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 ของเวลาเรียนทั้งหมด
ค. ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของเวลาเรียนทั้งหมด
ง. ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียนทั้งหมด
จ. ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของเวลาเรียนทั้งหมด

10.จำนวนเวลาเรียน 40 ชั่วโมง เท่ากับกี่หน่วยกิต
ก. 0.5 หน่วยกิต
ข. 1 หน่วยกิต
ค. 1.5 หน่วยกิต
ง. 2 หน่วยกิต
จ. 3 หน่วยกิต

เฉลย
1. จ
2. ข
3. ค
4. ง
5. ก
6. ก
7. จ
8. จ
9. ง
10. ข

แบบอัตนัย
1. สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน กำหนดเกณฑ์กลางสำหรับการจบการศึกษาเป็นกี่ระดับอะไรบ้าง
    ตอบ 3 ระดับ ได้แก่ ระดับประถมศึกษา ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น  ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย

2. ความหมายของคำว่า "ตัวชี้วัด"
    ตอบ ตัวชี้วัดด หมายถึง ข้อมูลที่แสดงหรอบอกให้รู้ว่าผลการดำเนินงานสำาเร็จตามเป้าหมาย
ที่กําหนดไว้หรือไม่

3.  ค 2.1 ป.2/2  คำที่ขีดเส้นใต้มีความหมายว่าอย่างไร
      ตอบ ตัวชี้วัดชั้นประถมศึกษาปีที่ 2  ข้อที่ 2

4. การจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้คือ
     ตอบ แผนการสอน คือ การนำวิชาหรือกลุ่มประสบการณ์ที่ต้องทำการสอน ตลอดภาคเรียนมาสร้างเป็นแผนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน การใช้สื่อ อุปกรณ์การสอน การวัดและการประเมินผล สำหรับเนื้อหาสาระและจุดประสงค์การเรียนการสอนย่อยๆ ให้สอดคล้องกับวัตถุ
ประสงค์หรือจุดเน้นของหลักสูตร สภาพผู้เรียน ความพร้อมของโรงเรียนในด้านวัสดุอุปกรณ์ และตรงกับชีวิตจริงในท้องถิ่น ซึ่งถ้ากล่าวอีกนัยหนึ่ง แผนการสอนคือ การเตรียมการสอนเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ล่วงหน้า หรือ คือการบันทึกการสอนตามปกตินั่นเอง 

5. ท 11101"  เลข 1 ที่ขีดเส้นใต้หมายถึง
       ตอบ  รายวิชาพื้นฐาน


 

นางสาว นัฐกาญจน์ ชอบชม Template by Ipietoon Cute Blog Design