🟣รูปแบบของหลักสูตร🟣
แนวคิดในการออกแบบหลักสูตร
การออกแบบหลักสูตรอาศัยแนวคิดของไทเลอร์ คือ การเลือกประสบการณ์การเรียนรู้อย่างไรที่ช่วยให้ผู้เรียนบรรลุวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ (Tyler, 1969) การออกแบบหลักสูตร คือ การตัดสินใจเกี่ยวกับรูปร่างหรือการจัดเค้าโครงในการวางแผนพัฒนาหลักสูตร การออกแบบหลักสูตรจะเกี่ยวข้องกับการกำหนดจุดมุ่งหมายและจุดประสงค์ของหลักสูตร อันจะนำไปสู่การจัดโครงสร้างเนื้อหาสาระ ช่วยให้ครูเลือกและจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้เหมาะสมซึ่งจะเกี่ยวข้องกับภาระงาน 4 เรื่อง คือ จุดประสงค์ เนื้อหาสาระ ประสบการณ์การเรียนรู้การสอน และการประเมิน การออกแบบหลักสูตรที่แตกต่างกันให้คุณภาพที่หลากหลายทั้งความรู้และประสบการณ์ การออกแบบหลักสูตรต้องพิจารณาเรื่องเศรษฐกิจเป็นอันดับแรกและความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติของการจัดการสอน การจัดโครงสร้างเนื้อหาสาระและงานที่มอบหมาย เรื่องของเวลาและการจัดสรรทรัพยากร จะต้องตอบให้ได้ว่าผู้เรียนจะเรียนอะไร จะจัดโครงสร้างที่เรียนอย่างไร หลักสูตรจะแสดงในรูปแบบใดและจะจัดโครงสร้างอย่างไร ผู้ออกแบบหลักสูตรต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้
รูปแบบของหลักสูตร(Curriculum Design)
1.หลักสูตรแบบเน้นเนื้อหา (The Subject
Matter Curriculum)
เป็นรูปแบบที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งใช้ในการสอนศาสนา
ละติน กรีก อาจเรียกชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า เป็นหลักสูตรที่เน้นเนื้อหาเป็นศูนย์กลาง
(Subject-Centered-Curriculum) ซึ่งสอดคล้องกับวิธีการสอนของครูที่ใช้วิธีการ
บรรยาย ปรัชญาการจัดการศึกษาแนวนี้จะยึดปรัชญาสารัตถนิยม(Essentialism)และสัจวิทยา
(Perennialism)
2.หลักสูตรสหสัมพันธ์ (Correlated
Curriculum)
หลักสูตรสหสัมพันธ์ คือ
หลักสูตรเนื้อหาวิชาอีกรูปแบบหนึ่ง แต่เป็นหลักสูตรที่นำเอาเนื้อหาวิชาของ
วิชาต่าง ๆ
ที่สอดคล้องหรือส่งเสริมซึ่งกันและกันมาเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน แล้วจัดสอนเป็นเนื้อหาเดียวกัน
วิธีการดังกล่าวอาศัยหลักความคิดของนักการศึกษาที่ว่า
การที่จะเรียนรู้สิ่งใดให้ได้ดีผู้เรียนต้องมีความสนใจเข้าใจความหมายของสิ่งที่เรียนและมองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งที่เรียนกับสิ่งอื่นที่เกี่ยวข้อง
เพราะฉะนั้นหลักสูตรสหสัมพันธ์จะกำหนดเนื้อวิชาใดวิชาหนึ่งหรือหมวดใดหมวดหนึ่ง
แล้วนำเนื้อหาสาระวิชาที่สัมพันธ์กันมารวมไว้ด้วยกัน
หลักสูตรแบบผสมผสานเป็นหลักสูตรที่พยายามปรับปรุงข้อบกพร่องของหลักสูตรเนื้อหาวิชา
เพราะฉะนั้นหลักสูตรแบบผสมผสานคือหลักสูตรเนื้อหาวิชาอีกรูปแบบหนึ่ง
โดยการรวมเอาวิชาย่อย ๆ
ที่มีลักษณะใกล้เคียงกันมาผสมผสานกันในด้านเนื้อหาเข้าเป็นหมวดหมู่
4. หลักสูตรแบบหมวดวิชาแบบกว้าง (Broad
Fields Curriculum)
หลักสูตรหมวดวิชาแบบกว้างหรือหลักสูตรรวมวิชา
เป็นหลักสูตรที่พยายามจะแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดจากหลักสูตรเนื้อหาวิชา
ซึ่งขาดการผสมผสานของความรู้ให้เป็นหลักสูตรที่มีการประสานสัมพันธ์ของเนื้อหาความรู้ที่กว้างยิ่งขึ้น
5. หลักสูตรเพื่อชีวิตและสังคม (Social
Process and Life Function Curriculum)
หลักสูตรเพื่อชีวิตและสังคม
เป็นหลักสูตรที่มุ่งแก้ไขข้อบกพร่องของหลักสูตรที่ผ่านมาด้วยการรวบรวมความรู้ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
โดยยึดกิจกรรมต่าง ๆ ของคนไทยเป็นหลัก
เป็นหลักสูตรที่ถูกคาดว่ามีคุณค่ามากที่สุดสำหรับผู้เรียน การจัดหลักสูตรแบบนี้ได้ยึดเอาสังคมและชีวิตจริงของเด็กเป็นหลัก
เพื่อผู้เรียนจะได้นำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
เพราะมีการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อหาวิชาในหลักสูตรกับชีวิตจริงของผู้เรียนหรือภาวะทางสังคมที่ผู้เรียนกำลังประสบอยู่
หลักการจัดหลักสูตรประเภทนี้ ได้รับอิทธิพลมาจากความคิดของจอห์น ดิวอี้
กับปรัชญาการศึกษาสาขาพิพัฒนาการนิยม และปรัชญาการศึกษาสาขาปฏิรูปนิยม
6. หลักสูตรกิจกรรมหรือประสบการณ์(Activity
or Experience Curriculum)
หลักสูตรกิจกรรมหรือประสบการณ์เป็นหลักสูตรที่เกิดขึ้นจากความพยายามที่จะแก้ไขการเรียนรู้แบบครูเป็นผู้สอนเพียงอย่างเดียว
ไม่คำนึงถึงความต้องการและความสนใจของผู้เรียนซึ่งเป็นข้อบกพร่องของหลักสูตรแบบเนื้อหาวิชา
หลักสูตรแบบนี้ยึดประสบการณ์
และกิจกรรมเป็นหลักมุ่งส่งเสริมการเรียนการสอนโดยวิธีการแก้ปัญหา
ผู้เรียนได้แสดงออกด้วยการลงมือกระทำ ลงมือวางแผน
เพื่อหาประสบการณ์อันเกิดจากการแก้ปัญหานั้น ๆ ด้วยตนเอง
ซึ่งเป็นการเรียนแบบการเรียนรู้ด้วยการกระทำ (Learning by Doing)
7. หลักสูตรแบบแกน (Core Curriculum)
หลักสูตรแบบแกนเป็นหลักสูตรที่ประสานสัมพันธ์เนื้อหาวิชาต่าง
ๆ เข้าด้วยกันมุ่งที่จะสนองความต้องการและความสนใจของผู้เรียนและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้เรียน
ส่งเสริมการเรียนรู้แบบ Active Learning สิ่งที่เรียนจะมีความสัมพันธ์กับประสบการณ์และชีวิตของผู้เรียน
เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงชีวิตความเป็นอยู่มาสัมพันธ์กับการเรียนรู้ได้ เป็นหลักสูตรที่ยึดปรัชญาปฏิรูปนิยม
สิ่งเหล่านี้มีอยู่แล้วในรูปแบบหลักสูตรที่ผ่านมา
จึงดูเหมือนว่าหลักสูตรแบบแกนจะเป็นหลักสูตรที่รวมเอาลักษณะเด่นของหลักสูตรอื่น ๆ
เข้าไว้ด้วยกัน
ซึ่งนักการศึกษาเชื่อว่าเป็นแบบที่ดีเหมาะสมที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับหลักสูตรต่าง
ๆ ที่กล่าวมาแล้ว
8. หลักสูตรบูรณาการ (Integrated
Curriculum)
หลักสูตรบูรณาการเป็นหลักสูตรที่รวมประสบการณ์การเรียนรู้ต่าง
ๆ เข้าด้วยกัน ประสบการณ์ดังกล่าวเป็นประสบการณ์ที่คัดเลือกมาจากหลายสาขาวิชา
แล้วจัดเป็นกลุ่มหรือหมวดหมู่ของประสบการณ์ เป็นการบูรณาการเนื้อหาเข้าด้วยกัน
เพื่อช่วยให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์สัมพันธ์และต่อเนื่องอันมีคุณค่าต่อการดำรงชีวิต
อ้างอิง
https://sites.google.com/site/wachirapornampai/rup-baeb-khxng-hlaksutr
https://sites.google.com/site/curriculumdevelopementgroup1/srup-khwam-ru/2-kar-xxkbaeb-hlaksutr
ปรนัย
1.ราล์ฟ ดับเบิลยู ไทเลอร์ ให้หลักการและเหตุผลในการสร้างหลักสูตรไว้กี่ประการ
ก. 4 ประการ ข.5ประการ
ค. 6 ประการ ค. 7 ประการ
จ. 8 ประการ
ตอบ ก.4 ประการ
2. ขั้นตอนที่1 กระบวนการพัฒนาหลักสูตรของทาบาคืออะไร
ก. การกำหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร ข. การเลือกเนื้อหาสาระ
ค. วิเคราะห์สภาพปัญหา ง. การประเมินผล
จ. การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่ได้เลือกแล้ว
ตอบ ค.วิเคราะห์สภาพปัญหา
3.ขั้นตอนที่ 3
กระบวนการพัฒนาหลักสูตรของทาบาคืออะไร
ก. การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่ได้เลือกแล้ว ข. การเลือกเนื้อหาสาระ
ค. วิเคราะห์สภาพปัญหา ง.การกำหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร
จ. การจัดรวบรวมเนื้อหาสาระ
ตอบ ข.
การเลือกเนื้อหาสาระ
4. ขั้นตอนที่ 7 กระบวนการพัฒนาหลักสูตรของทาบาคืออะไร
ก. การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่ได้เลือกแล้ว ข. การออกแบบหลักสูตร
ค. วิเคราะห์สภาพปัญหา ง.การประเมินผล
จ. การกำหนดเป้าหมาย
ตอบ ง.การประเมินผล
5. ขั้นตอนการเขียนแผนการสอน โดยดำเนินการกี่ขั้นตอน
ก. 4 ขั้นตอน ข. 7 ขั้นตอน
ค. 10 ขั้นตอน ง.5 ขั้นตอน
จ. 8 ขั้นตอน
ตอบ จ. 8 ขั้นตอน
6. สงัด อุทรานันท์ มีความเห็นกับการพัฒนาหลักสูตรว่าอย่างไร
ก. การพัฒนาหลักสูตรมีความครอบคลุมถึงการร่างหลักสูตรขึ้นมาใหม่
และการปรับปรุงหลักสูตรที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้นด้วย
ข. การพัฒนาหลักสูตรจะไม่ดำเนินไปในลักษณะเส้นตรง
ค. การตัดสินใจโดยใช้เป้าหมาย
วัตถุประสงค์และขอบเขต
ง. การตัดสินใจเกี่ยวกับการนำวิธีสอนต่างๆ
จ. ผู้สอนจะต้องเลือกใช้วิธีประเมินผลแบบต่างๆ
ตอบ ก.
การพัฒนาหลักสูตรมีความครอบคลุมถึงการร่างหลักสูตรขึ้นมาใหม่
และการปรับปรุงหลักสูตรที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้นด้วย
ก. 10 รูปแบบ ข. 11 รูปแบบ
ค. 12 รูปแบบ ง.13 รูปแบบ
จ. 14 รูปแบบ
ตอบ จ. 12 รูปแบบ
8. รวบรวมและนำหลักสูตรไปใช้ คือ
ก.การกำหนดจุดมุ่งหมาย
ข. การปรับปรุงแก้ไขหลักสูตร
ค. เป็นกระบวนการอันหนึ่งของการพัฒนาหลักสูตร
ง.เป็นขั้นของการกำหนดโครงสร้างหลักสูตร
จ. เป็นขั้นที่ผู้เรียนเลือกยุทธวิธีที่เหมาะสม
ตอบ ง.เป็นขั้นของการกำหนดโครงสร้างหลักสูตร
9. การออกแบบหลักสูตร คือ
ก. เพื่อบอกความก้าวหน้าของผู้เรียน
ข. เป็นการตัดสินใจโดยใช้เป้าหมาย
ค. ผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน
ง. เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
จ. นำเสนอรูปแบบการพัฒนาหลักสูตร
ตอบ ข. เป็นการตัดสินใจโดยใช้เป้าหมาย
10.ทาบาใช้วิธีอุปนัย ทาบาเสนอไว้ว่า
ก. นำเสนอรูปแบบการพัฒนาหลักสูตร
ข. เป็นการตัดสินใจโดยใช้เป้าหมาย
ค. ผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน
ง. หลักสูตรควรมาจากครูผู้สอนมากกว่าผู้บริหารระดับสูง
จ. นำเสนอรูปแบบการพัฒนาหลักสูตร
ตอบ ง.
หลักสูตรควรมาจากครูผู้สอนมากกว่าผู้บริหารระดับสูง
อัตนัย
1.กระบวนการพัฒนาหลักสูตรของทาบามีทั้งหมด 7
ขั้นตอนอะไรบ้าง
ตอบ ขั้นที่ 1 วิเคราะห์สภาพปัญหา ขั้นที่ 2
การกำหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร
ขั้นที่ 3 การเลือกเนื้อหาสาระ ขั้นที่
4 การจัดรวบรวมเนื้อหาสาระ
ขั้นที่ 5 การเลือกประสบการณ์การเรียนรู้ ขั้นที่ 6
การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่ได้เลือกแล้ว
ขั้นที่ 7 การประเมินผล
2. หลักสูตรแบบเน้นเนื้อหา คือ
ตอบ เป็นรูปแบบที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งใช้ในการสอนศาสนา
ละติน กรีก อาจเรียกชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า เป็นหลักสูตรที่เน้นเนื้อหาเป็นศูนย์กลาง
(Subject-Centered-Curriculum) ซึ่งสอดคล้องกับวิธีการสอนของครูที่ใช้วิธีการ
บรรยาย ปรัชญาการจัดการศึกษาแนวนี้จะยึดปรัชญาสารัตถนิยม(Essentialism)และสัจวิทยา(Perennialism)
3. หลักสูตรแบบผสมผสาน คือ
ตอบ หลักสูตรแบบผสมผสานเป็นหลักสูตรที่พยายามปรับปรุงข้อบกพร่องของหลักสูตรเนื้อหาวิชา
เพราะฉะนั้นหลักสูตรแบบผสมผสานคือหลักสูตรเนื้อหาวิชาอีกรูปแบบหนึ่ง
โดยการรวมเอาวิชาย่อย ๆ
ที่มีลักษณะใกล้เคียงกันมาผสมผสานกันในด้านเนื้อหาเข้าเป็นหมวดหมู่
4.หลักสูตรบูรณาการ คือ
ตอบ หลักสูตรบูรณาการเป็นหลักสูตรที่รวมประสบการณ์การเรียนรู้ต่าง
ๆ เข้าด้วยกัน ประสบการณ์ดังกล่าวเป็นประสบการณ์ที่คัดเลือกมาจากหลายสาขาวิชา
แล้วจัดเป็นกลุ่มหรือหมวดหมู่ของประสบการณ์ เป็นการบูรณาการเนื้อหาเข้าด้วยกัน
เพื่อช่วยให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์สัมพันธ์และต่อเนื่องอันมีคุณค่าต่อการดำรงชีวิต
5.คำถามที่เป็นพื้นฐาน 4 ประการของไทเลอร์มะอะไรบ้าง
ตอบ 1. What is the purpose of the
education? (มีจุดมุ่งหมายทางการศึกษาอะไรบ้างที่โรงเรียนควรจะ
แสวงหา)
2. What
educational experiences will attain the purposes? (มีประสบการณ์ทางการศึกษาอะไรบ้างที่โรงเรียนควรจัดขึ้นเพื่อช่วยให้บรรลุถึงจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้)
3. How
can these experiences be effectively organized? (จะจัดประสบการณ์ทางการศึกษาอย่างไร
จึงจะทำให้การสอนมีประสิทธิภาพ)
4. How
can we determine when the purposes are met? (จะประเมินผลประสิทธิภาพของประสบการณ์ในการเรียนอย่างไร
จึงจะตัดสินได้ว่าบรรลุถึงจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้)